Quantcast
Channel: Luxury Alert – Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach
Viewing all 319 articles
Browse latest View live

Mouawad เตรียมเผยโฉมมงกุฎเพชร รังสรรค์ครั้งแรกเพื่อ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

$
0
0

ตระกูลโมอาว็าด” ปรากฏตัวในงานเก็บตัว MUT 2020 เตรียมเผยโฉมมงกุฎเพชรระดับโลกแบรนด์ Mouawad ที่รังสรรค์แก่เวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เป็นครั้งแรก

มร.เฟรด โมอาว็าด ทายาทรุ่นที่ 4 ของ “โมอาว็าด” (Mouawad) แบรนด์จิวเวลรี่หรูชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วย มร.จิมมี่ โมอาว็าด ทายาทรุ่นที่ 5 บุตรชายสุดหล่อแห่งวงการอัญมณี ปรากฏตัวในทริปเก็บตัวสาวงาม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ณ เมืองหัวหิน

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

โดยทั้งคู่ได้ร่วมกิจกรรมกับสาวงามอย่างใกล้ชิด ทั้งงานกาล่าไนท์ ชมการประกวดรอบปริศนา และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการรอบชุดว่ายน้ำ เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งผู้ร่วมงานและผู้เข้าประกวด เพราะออร่าสองพ่อ-ลูกเจิดจรัสไปทั้งงาน ชวนจินตนาการไปถึงมงกุฎ MUT 2020 จากแบรนด์ “โมอาว็าด” ว่าจะงดงามดาวล้านดวงแค่ไหน

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

ปีนี้ “โมอาว็าด” ได้รังสรรค์มงกุฎขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับสาวงามผู้คว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เป็นครั้งแรก พิเศษสุดกว่านั้น คือไม่เคยทำมงกุฎให้เวทีไหนมาก่อน นอกจากเวทีนางงามจักรวาลอย่าง “Miss Universe” โดยมงกุฎเพชรสุดล้ำค่าจะถูกเผยโฉมในวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ณ ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ ซึ่งเฟรดและจิมมี่รับรองว่า วิจิตรตระการตาสมกับที่ทุกคนรอคอยอย่างแน่นอน

มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

ทั้งนี้ “โมอาว็าด” นับเป็นแบรนด์จิเวลรี่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 125 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1890 มีผลงานเครื่องประดับเพชร นาฬิกา ตลอดจนมงกุฎอันเลอค่า ซึ่งมีทั้งคนดังระดับโลก ดาราฮอลลีวูด  รวมถึงราชวงศ์ชั้นสูงที่หลงใหลในความประณีตงดงาม โดย “โมอาว็าด” มีฐานการผลิตใหญ่และสำคัญที่สุดอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัญมณีแห่งเอเชีย


ล้วงลึกวิธีคิดในแบบ เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ สาวงามผู้ฉายแสงสู่จักรวาล

ชีวิตยิ่งกว่าละคร ซามีน่า MUT2020 อยู่ห้องเช่าเดือนละ 1,500 บาท แต่สู้ชีวิตยิบตา

5 ปี กับตราบาปในชีวิต พรฟ้า-ปุณิกา ยืนยันบริสุทธิ์ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

 

The post Mouawad เตรียมเผยโฉมมงกุฎเพชร รังสรรค์ครั้งแรกเพื่อ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.


ไม่เคยทำให้เวไหน! ยลโฉม มงกุฎ โมอาว็าด 3.5 ล้าน แพงที่สุดในเวทีนางงามไทย

$
0
0

ยลโฉม “มงกุฎ โมอาว็าด” ราคา 3.5 ล้าน แพงที่สุด ในการประกวดของประเทศไทย ไม่เคยทำให้เวทีไหนมาก่อนในโลก นอกจากเวทีนางงามจักรวาลอย่าง “Miss Universe” ที่สำคัญคือ มอบให้นางงามผู้ชนะแล้วให้เลย ไม่ต้องคืน

ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ให้กับการประกวดเมืองไทยเลยที้ดียว สำหรับ “โมอาว็าด” แบรนด์จิวเวลรี่ชั้นนำระดับโลก ที่ล่าสุด รังสรรค์มงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 มูลค่า 3.5 ล้านบาท

ในปีนี้ “โมอาว็าด” ได้เป็นผู้สนับสนุนการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 เป็นครั้งแรก และพิเศษสุดกว่านั้นก็คือ “โมอาว็าด” ไม่เคยทำมงกุฎให้เวทีไหนมาก่อนในโลก นอกจากเวทีนางงามจักรวาลอย่าง “Miss Universe” โดยครั้งนี้ได้รังสรรค์มงกุฎขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับสาวงามผู้คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ภายใต้ชื่อ “The Power of Authenticity” ด้วยมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท

มงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ภายใต้ชื่อ “The Power of Authenticity” หรือ “พลานุภาพแห่งเนื้อแท้” ซึ่งสอดคล้องกับธีมหลักของการประกวดอย่าง “Real U, Real Universe” (ตัวจริงแห่งจักรวาล) เป็นผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นงานฝีมือที่ไม่ธรรมดา ผ่านการเลือกลวดลายและอัญมณีที่พิถีพิถันของผู้เชี่ยวชาญระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงความงามที่เปล่งประกาย เจิดจรัส และความงามจากภายใน จากการตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพื่อมอบความงดงามให้กับโลกใบนี้

มงกุฎ Power of Authenticity ได้รับการออกแบบโดยการผสมผสานลวดลายมรดกอันสูงส่งของไทย โดยฐานมงกุฎได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับศีรษะแบบดั้งเดิมของชนชั้นสูงในอยุธยา และลวดลายส่วนบนได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายที่ซับซ้อนของวัดไทย ลวดลายดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคุณค่าของ “งานฝีมือ” และ “ทักษะ” ของวัฒนธรรมไทย รวมถึง “ความฉลาด” ซึ่งถือเป็นแก่นแท้ของศิลปะไทยมายาวนาน ด้านการเลือกใช้อัญมณีของมงกุฎ ได้แรงบันดาลใจจากสีของ “ธงชาติไทย” ในขณะเดียวกันก็มีสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งกว่านั่นคือ “สีขาว” เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในความจริงแท้ ความจริงใจ และภูมิปัญญา “สีแดง” แสดงถึงความกล้าหาญและพลังที่ปลดปล่อยความจริงของตัวเราออกมา และ “สีน้ำเงิน” เป็นเหมือนการผลักดันให้พูดความจริงและใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมาย

ทั้งนี้ “โมอาว็าด” นับเป็นแบรนด์จิวเวลรี่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 125 ปี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1890 มีผลงานเครื่องประดับเพชร นาฬิกา ตลอดจนมงกุฎอันเลอค่า ซึ่งมีทั้งคนดังระดับโลก ดาราฮอลลีวูด  รวมถึงราชวงศ์ชั้นสูงที่หลงใหลในความประณีตงดงาม โดย “โมอาว็าด” มีฐานการผลิตใหญ่และสำคัญที่สุดอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมอัญมณีแห่งเอเชีย


สามารถติดตามอ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ชุดประจำชาติ สู่จักรวาล 29 สาว มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ งามดั่งนางในวรรณคดี

สวยตลบเวที! 29 สาวงาม แข่งกันท็อปฟอร์มใน ชุดราตรี รอบพรีลิมมินารี

The post ไม่เคยทำให้เวไหน! ยลโฉม มงกุฎ โมอาว็าด 3.5 ล้าน แพงที่สุดในเวทีนางงามไทย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ใส่เสร็จพร้อมหลับ ชุดราตรี Moncler ราคา 6 แสนบาท ชาวเน็ตแซวคล้ายถุงนอน

$
0
0

Love it! ใส่เสร็จพร้อมหลับกันเลยทีเดียว สำหรับ ชุดราตรี Moncler ดีไซน์เก๋ แมททีเรียลเริ่ด ซึ่งชาวเน็ตต่างแซวกันระงมว่าคล้ายถุงนอน บ้างก็ว่ามันเหมือนผ้าห่ม!!

 Moncler แบรนด์แฟชั่นสุดหรู ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของชุดสกี ก่อตั้งขึ้นในปี 1952 โดย René Ramillon และAndré Vincent Moncler ได้ชื่อมาจากตัวย่อของ Monestier-de-Clermont เมืองอัลไพน์ใกล้เมือง Grenoble ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ดังกล่าวถูกซื้อไปโดย Remo Ruffini ผู้ประกอบการชาวอิตาลีในปี 2546

ตัวแบรนด์นั้นโดดเด่นในเรื่องของอุปกรณ์ และเสื้อกันความหนาวทุกชนิด โดยเฉพาะชุดสกี ที่ต้องยกให้แบรนด์นี้เป็นที่หนึ่ง ซึ่งล่าสุด Moncler ฉีกกฎชุดราตรีที่ไม่ต้องจำเจกับรูปแบบเดิมๆ ด้วยการรังสรรค์ชุดราตรีที่ไม่เหมือนใคร เป็นไอเท็มพิเศษที่ทาง Moncler ร่วมด้วย ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของวาเลนติโนโดยใช้ชื่อว่า 1 Moncler Pierpaolo Piccioli

Love it! ใส่เสร็จพร้อมหลับกันเลยทีเดียว สำหรับ ชุดราตรี Moncler ดีไซน์เก๋ แมททีเรียลเริ่ด ซึ่งชาวเน็ตต่างแซวกันระงมว่าคล้ายถุงนอน บ้างก็ว่ามันเหมือนผ้าห่ม!!

ตัวชุดมีลักษณะ ปาดไหล่ ด้านหน้ามีซิป กระโปรงคล้ายกับพลีทที่ดูพองโต ทำจากผ้าไนล่อนที่ด้านนอกถูกเคลือบผิวไว้ ด้านในบุด้วยขนนกจึงมีน้ำหนักเบา มาพร้อมกับลวดลายเฉพาะจากแบรนด์ Lemlem ของดีไซเนอร์ Liya Kebede สำหรับราคานั้นไม่เบาเลยทีเดียวจ้า โดยชุดราตรีนี้สนนอยู่ที่ £17,000 ปอนด์ หรือประมาณ 687,580 บาท!!!

งานนี้ชาวเน็ตเห็นแล้วถึงกับออกมาแซวว่า เป็นไอเท็มที่เพอร์เฟ็ค และเหมาะมากสำหรับการพักผ่อนระหว่างการเดินทางไปแคมปิ้งในที่อากาศหนาวเย็น หรือจะเป็น “ฉันต้องบอกเลยว่ามันดูอุ่นหนาฝาคั่งสุดๆ แต่ราคาไม่สบายเท่าไหร่เลย!” ในขณะที่ชาวเน็ตอีกคนกล่าวว่า โอ้มายก็อดดด ฉันชอบผ้านวม/ชุดนี้ และ ‘คุณจะประหยัดเงินได้หลายพันในการดูดไขมัน’ ในขณะที่อีกคนหนึ่งพูดติดตลกว่า ‘ก้นของฉันดูใหญ่หรือเปล่า?

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่การออกแบบของ Moncler ถูกล้อเลียนในโลกออนไลน์ โดยเมื่อปี 2018 ทางแบรนด์ได้ออกคอลเล็คชั่นเสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงขายาวขนาดใหญ่ซึ่งบางคนบอกว่ามันดูเหมือน ‘มิชลินแมน’ รวมไปถึง เบย์แม็กซ์ จากภาพยนตร์แอนิเมชั่น จากค่ายวอลท์ ดิสนีย์ เรื่อง Big Hero 6


CR : Moncler, Daily Mail

 

The post ใส่เสร็จพร้อมหลับ ชุดราตรี Moncler ราคา 6 แสนบาท ชาวเน็ตแซวคล้ายถุงนอน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

Koenigsegg ส่ง 2 ไฮเปอร์คาร์ สุดหรู 4 ที่นั่งในราคา 110 ล้าน เพียง 300 คันทั่วโลก

$
0
0

Koenigsegg (เคอนิกเส็กก์) สุดยอดแบรนด์ไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูงสัญชาติสวีเดน ได้ประกาศแต่งตั้งให้ บริษัทเจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง) เป็นตัวแทนจำหน่าย ไฮเปอร์คาร์ เคอนิกเส็กก์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

พร้อมกันนี้ยังได้ส่งสุดยอดนวัตกรรมไฮเปอร์คาร์ 2 รุ่น มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาทอย่าง  Koenigsegg Gemera Mega-GT สี่ที่นั่งคันแรกของโลก (The World’s First Mega-GT and Koenigsegg’s First For Four) และ Koenigsegg Jesko Absolut ไฮเปอร์คาร์ที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เคอนิกเส็กก์ มาให้คนไทยได้ยลโฉม และจับจองเป็นเจ้าของ

Koenigsegg Jesko Absolut (เคอนิกเส็กก์ เยสโก้ แอบซูลุท) ไฮเปอร์คาร์ที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg (The Fastest Koenigsegg Ever – Forever) และจะไม่ผลิตรถคันไหนที่เร็วและแรงกว่า Jesko Absolut อีกแล้วในอนาคต

ทุกส่วนประกอบของ Jesko Absolut ถูกออกแบบมาเพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์การต้านลมของตัวถังและยังเพิ่มความนิ่งของตัวรถเมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้นอีกด้วย Koenigsegg Jesko Absolut มีค่าสัมประสิทธิ์แรงฉุดของอากาศเพียง 0.278 ด้วยเส้นสายและการออกแบบของตัวรถที่มีความปราดเปรียวและดุดันมากยิ่งขึ้นด้วยครีบฉลามคู่ด้านท้ายที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ F-15 ซึ่งตัวครีบฉลามคู่นั้นทำหน้าที่คอยรีดอากาศด้านหลังให้ไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อลดแรงเฉี่อยจากลมเมื่อต้องวิ่งด้วยความเร็วสูง

ดีไซน์ด้านหน้าของ Jesko Absolut ถูกปรับแต่งให้สามารถเก็บหลังคาได้เพื่อความสะดวกในการใช้งานและจัดเก็บเมื่อต้องการเปิดประทุน ช่วงล่างของ Jesko Absolut ถูกปรับแต่งให้มีความนุ่มมากขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเมื่อขับขี่ในสนามแข่งและยังคงสะดวกสบายเมื่อใช้งานบนถนนสาธารณะ เครื่องยนต์ของ Jesko Absolut เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ที่ 1,600 แรงม้า (เมื่อใช้เชื้อเพลิง E85) และยังสามารถลากรอบได้ถึง 8,500 รอบต่อนาที

ตัวเครื่องยนต์ถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบส่งกำลังแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาและผลิตโดย Koenigsegg เอง ระบบส่งกำลังของ Jesko Absolut เป็นแบบ 9 จังหวะที่เรียกว่า “Light Speed Transmission (LST)” ซึ่งมาพร้อมกับระบบ “Ultimate Power On Demand (UPOD)” ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์สามารถตอบสนองได้ใกล้เคียงความเร็วของแสงพร้อมทั้งยังมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบาเพียง 90 กิโลกรัมเท่านั้น

Koenigsegg Gemera (เคอนิกเส็กก์ เกเมร่า) Mega-GT สี่ที่นั่งคันแรกของโลก (The World’s First Mega-GT and Koenigsegg’s First Four Four) ถูกออกแบบมาตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างแท้จริง ด้วยที่นั่งที่สามารถรองรับสรีระของผู้ใหญ่ได้ถึง 4 ที่นั่งและยังสามารถเก็บกระเป๋าสัมภาระได้ถึง 4 ใบ ทั้งยังมาพร้อมที่วางแก้วถึง 8 จุด จอแสดงผลข้อมูลต่างๆ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จุดชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ระบบ Apple CarPlay ลำโพง 11 จุด และระบบเบาะปรับด้วยไฟฟ้าซึ่งช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย

หัวใจหลักของ Gemera คือเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีชื่อเรียกว่า “Tiny Friendly Giant (TFG)” มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 มอเตอร์ มอบพละกำลังสูงสุด 1,700 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 3,500 นิวตันเมตร ช่วยให้ Gemera ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาทีเท่านั้น ด้านเทคโนโลยีช่วยเหลือในการขับขี่ของ Gemera นั้นได้ติดตั้งทั้งระบบเลี้ยวล้อหลังและระบบกระจายแรงบิดเพื่อมอบการควบคุมที่ฉับไวและมั่นใจยิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่พร้อมเผชิญทุกสภาพถนน นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เร้าใจแล้ว Koenigsegg Gemera ยังสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 กม./ชม. และมีพิสัยเดินทางสูงสุด 50 กม.

เมื่อต้องการเดินทางโดยปราศจากมลพิษหรือสามารถขับเคลื่อนในรูปแบบไฮบริด โดย Gemera ถูกออกแบบมาให้รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ได้ หากต้องใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดและมีพิสัยเดินทางไกลสุดถึง 950 กม.

Gemera นั้นถูกออกแบบด้วยแนวคิดการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งการใช้ในเมืองด้วยความเร็วต่ำและขับขี่บนทางหลวงด้วยความเร็วสูง ด้วยระบบความปลอดภัยตั้งแต่โครงสร้างตัวถังแบบ Carbon Fiber Monocoque ถุงลมนิรภัย 6 ใบ ระบบช่วยเหลือการทรงตัว ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบเบรก ABS และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS 2.5 ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจุดยึด ISOFIX สำหรับเบาะหลังทั้ง 2 ที่นั่งอีกด้วย

ดีไซน์ภายนอกของ Gemera ได้รับการออกแบบประตูใหม่ที่เรียกว่า “Koenigsegg Automated Twisted Synchrohelix Actuation Doors (KATSAD)” ซึ่งสามารถเปิดได้กว้างพอที่ผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลังสามารถเข้ารถไปได้พร้อมกันเลยในเวลาเดียวกันทั้งยังคงรูปลักษณ์แบบรถสปอร์ต 2 ประตู บริเวณด้านบนประตูนั้นติดตั้งกล้องที่แสดงภาพของรถด้านหลังซึ่งเป็นครั้งแรกของ Koenigsegg ที่นำมาใช้บนรถแทนกระจกมองข้างทั่วไป ล้อขนาด 20 และ 21 นิ้วของ Gemera ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ล้วน ซึ่งมีน้ำหนักไม่ถึง 9 กิโลกรัมต่อล้อ ด้านท้ายของ Gemera ติดตั้งท่อไอเสียจาก Akrapovic ที่เพิ่มความดุดันทั้งด้านรูปลักษณ์และซุ้มเสียงของเครื่องยนต์ที่คำรามพร้อมจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

ภายในของ Gemera อำนวยความสะดวกสบายด้วยเบาะปรับไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทางในด้านหน้าแลถูกเสริมด้วยเมมโมรี่โฟมเพื่อรองรับสรีระผู้โดยสารให้สบายยิ่งขึ้นทั้ง 4 ที่นั่ง ผู้โดยสารทั้ง 4 ที่นั่งสามารถควบคุมระบบเครื่องเสียงความบันเทิงและระบบปรับอากาศได้ด้วยตัวเองพร้อมทั้งยังมีช่องเก็บสัมภาระของแต่ล่ะที่นั่งเพื่อเป็นสัดส่วนอีกด้วย สำหรับ Gemera นี้ มีเพียงแค่ 300 คันทั่วโลกเท่านั้น สนนราคาอยู่ที่ 2.998 ล้านยูโร


 

The post Koenigsegg ส่ง 2 ไฮเปอร์คาร์ สุดหรู 4 ที่นั่งในราคา 110 ล้าน เพียง 300 คันทั่วโลก appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เอาใจนักสะสม BARONCELLI BIG DATE จาก MIDO มีเพียง 2020 เรือนทั่วโลก

$
0
0

MIDO (มิโด) ส่งผลงานใหม่ล่าสุด BARONCELLI BIG DATE LIMITED EDITION แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคเอาใจสายคอลเลคเตอร์ ที่มีเพียง 2020 เรือนทั่วโลก

สำหรับ 2020 คือจำนวนเรือนเวลาที่ Baroncelli Big Date (บารอนเชลลี บิ๊ก เดท) ได้รับการผลิต หน้าปัดสะท้อนแสงอาทิตย์ ขัดซาตินสีน้ำเงินเข้มอันน่าหลงใหล บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา คือจุดแสดงเอกลักษณ์เฉพาะของรุ่น Big Date ด้วยช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ขัดเงาและพ่นทราย

MIDO

หน้าปัดของ Baroncelli Big Date Limited Edition ได้รับการป้องกันด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล เสริมด้วยแหวนรอบกระจกแบบนูนสองชั้น ทั้งสองส่วนประกอบเคลือบด้วย PVD สีโรสโกลด์ เรือนเวลาอันแสนยอดเยี่ยมรุ่นนี้เข้ากันอย่างลงตัวกับสายหนังวัวสีน้ำเงินแต่งลายแบบหนังจระเข้ และกลไกอัตโนมัติที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า

นอกจากการแสดงวันที่อันเป็นเอกลักษณ์ ระบบ Caliber 80 กับช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ยังสามารถทำงานด้วยระบบอัตโนมัติสุดล้ำเลิศที่มีกำลังลานสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง

MIDO

ทั้งนี้ ศูนย์การค้า Galleria Vittorio Emanuele II ที่มิลาน ประเทศอิตาลี ที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ได้รับอิทธิพลจากแบบบาโร้ค แสดงออกถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีความสวยซับซ้อนตามแบบฉบับของอิตาลี รูปแบบทรงกลมของศูนย์การค้าแห่งนี้คือแรงบันดาลใจเบื้องหลังการออกแบบ Baroncelli ส่วนโค้งเว้าสอดรับกันอย่างลงตัวของตึกงดงามล้ำค่าแห่งนี้ สะท้อนถึงความหรูหราสง่างามและความยั่งยืนเหนือกาลเวลาของเรือนเวลาคอลเล็กชั่นนี้ ซึ่งมีวาระครบ 44 ปี

ในปี 2020 จะมีเหล่าสาวกเรือนเวลาที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์เพียงจำนวน 2,020 คนเท่านั้น ที่มีโอกาสสวมใส่ Baroncelli Big Date Limited Edition รุ่นนี้ ด้วยสีสันอันร่วมสมัยและรูปแบบสวยงามเหนือกาลเวลา เรือนเวลารุ่นนี้จึงเป็นที่สุดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยการออกแบบหน้าปัดสีน้ำเงินอันสวยงามคู่กับช่องแสดงวันที่สะท้อนแสงอาทิตย์ขัดซาติน ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่สองชั้น หนึ่งในรุ่นที่มีช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ที่สุดของนาฬิกาที่มีช่วงราคาเดียวกันในท้องตลาด

MIDO

ขอบตัวเรือนตัวเลขโรมันเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ สะท้อนความงามแบบคลาสสิคแก่นาฬิกา เช่นเดียวกับเข็มบอกชั่วโมงและนาทีแบบสองด้าน (ด้านหนึ่งพ่นทราย อีกด้านหนึ่งไดมอนคัท) ส่วนเข็มวินาทีขนาดใหญ่เป็นแบบไดมอนคัท ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. ตกแต่งด้วยแหวนรอบกระจกแบบนูนสองชั้น เคลือบ PVD สีโรสโกลด์ โทนสีอบอุ่นตัดกับสีน้ำเงินเข้มของ Baroncelli Big Date Limited Edition

เทคโนโลยีของ Baroncelli Big Date Limited Edition 2020 ยังถือเป็นที่สุดอย่างเท่าเทียมกับเรื่องการออกแบบ ด้วยระบบกลไกอัตโนมัติซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำหน้าของวงการนาฬิกา

นอกเหนือจากช่องแสดงวันที่อันเป็นเอกลักษณ์ ระบบ Caliber 80 กับช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ยังสามารถทำงานด้วยระบบอัตโนมัติสุดล้ำเลิศที่มีกำลังลานสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido และเผยความสวยงามให้สามารถชื่นชมได้ผ่านตัวเรือนด้านหลังแบบใส Baroncelli Big Date Limited Edition กันน้ำถึงระดับแรงดัน 3 บาร์ (30 เมตร/100 ฟุต)

สุภาพบุรุษ และนักสะสมไม่ควรพลาด กับนาฬิการุ่น Baroncelli Big Date Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 2020 เรือน พร้อมสลักหมายเลขประจำตัวเรือน พบกับผลงานดีไซน์สุดล้ำค่าจากมิโด ได้ที่เคาน์เตอร์มิโด  ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคา 38,000 บาท


ยลโฉม นาฬิกา Cartier คลาสสิค รุ่นยอดฮิตในตำนาน ที่หาซื้อไม่ได้อีกแล้ว

หรูหรา สมการรอคอย นาฬิกา Rolex 4 รุ่นใหม่ในคอลเล็คชั่น Oyster Perpetual

The post เอาใจนักสะสม BARONCELLI BIG DATE จาก MIDO มีเพียง 2020 เรือนทั่วโลก appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สง่างามเหนือกาลเวลา “คิมเบอร์ลี่”สมตำแหน่ง Friend of Cartier ประเทศไทย

$
0
0

Cartier เปิดตัว คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ในฐานะ Friend of Cartier ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ  ตอกย้ำภาพลักษณ์สตรีผู้สง่างาม เหนือกาลเวลาในแบบคาร์เทียร์

Friend of Cartier

คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส นักแสดงสาววัย 28 ปี ลูกครึ่งไทย-เยอรมนีและสเปน ถือเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ระดับแนวหน้าของประเทศไทย ฝากผลงานให้กับผู้ชมมากมายกว่า 18 เรื่อง คิมเบอร์ลี่เป็นนักแสดงมากความสามารถ ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างสมจริง ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเต็มไปด้วยทัศนคติที่ดี ประกอบกับบุคลิกอันสง่างาม  คิมเบอร์ลี่จึงสะท้อนภาพลักษณ์และถ่ายทอดอัตลักษณ์ความเป็นคาร์เทียร์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ “Friends of Cartier เป็นกลุ่มคนผู้ทรงอิทธิพลที่หลงไหลในคาร์เทียร์และมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกันกับแบรนด์ นั่นก็คือ การยึดมั่นในความเป็นเลิศ เป็นบุคคลผู้เปี่ยมด้วยความใฝ่รู้ ไม่หยุดยั้งที่จะค้นหาสิ่งใหม่ๆ รอบตัว

นอกจากนี้ ยังเปิดกว้างเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรม มีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลาย อาทิ แนวคิด ความเชื่อและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน Friends of Cartier จึงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์และประสบการณ์กับสาธารณชนผู้ที่ชื่นชอบคาร์เทียร์” 

Friend of Cartier

ขณะเดียวกันFriends of Cartier ที่มีชื่อเสียงจากประเทศอื่นๆ ได้แก่ Jake Gyllenhaal (US), Monica Bellucci (FR), Annabelle Wallis (UK) รวมไปถึง Lily Collins (US), Jisoo Blackpink (KR), Sehun EXO (KR) โดย คิมเบอร์ลี่เป็นบุคคลล่าสุดที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้นี้ ด้วยบุคลิก ความสามารถ และความเกี่ยวโยงกับคาร์เทียร์อย่างมีความหมาย

คาร์เทียร์เชื่อว่า คิมเบอร์ลี่จะสามารถสื่อถึงอัตลักษณ์ความเป็นคาร์เทียร์ออกไปได้อย่างกว้างขวาง และให้คนรู้จักคาร์เทียร์ได้ดียิ่งขึ้นในหลายแง่มุมที่น่าสนใจ นอกเหนือความเป็นมายาวนานของแบรนด์และตัวผลิตภัณฑ์

Friend of Cartier

สองปีที่ผ่านมาคิมเบอร์ลี่ได้มีโอกาสร่วมงานกับคาร์เทียร์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายแฟชั่นขึ้นปกนิตยสาร ร่วมงานอีเวนท์เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง (High Jewelery) ระดับโลกร่วมกับดาราและเซเลบริตี้ชื่อดัง

โดยคิมเบอร์ลี่กล่าวถึงความรู้สึกในการได้รับเลือกให้เป็น Friend of Cartie ครั้งนี้ว่า “คาร์เทียร์เป็นแบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 173 ปี เป็นแบรนด์ที่คิมมีความผูกพันเป็นการส่วนตัว ภาพคุณพ่อในความทรงจำของคิมคือ คุณพ่อใส่แว่นตาของคาร์เทียร์เสมอ

Friend of Cartier

นอกจากนี้คุณพ่อยังมอบสร้อยคาร์เทียร์รูปเสือแพนเตอร์ให้คิมเป็นของขวัญเมื่อตอนคิมยังเป็นเด็กอีกด้วย คิมชื่นชอบคาร์เทียร์ เพราะคาร์เทียร์เป็นแบรนด์ที่อยู่เหนือกาลเวลา นอกจากนี้ คาร์เทียร์ยังมีความเชี่ยวชาญในฐานะนักออกแบบอัญมณี มองเห็นความงาม แม้ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ชิ้นงานเครื่องประดับและนาฬิกาของคาร์เทียร์จึงมีดีไซน์โดดเด่น สร้างสรรค์อย่างประณีต สวยสง่างามในทุกโอกาส

คิมจึงรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับคัดเลือกจากคาร์เทียร์ให้ดำรงตำแหน่ง Friend of Cartier ในเมืองไทย การร่วมงานกับคาร์เทียร์ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่าเพราะเป็นโอกาสที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีก สุดท้ายนี้คิมขอฝากให้ทุกท่านติดตามผลงานความร่วมมือพิเศษของคิมกับคาร์เทียร์ด้วยนะคะ”


ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีสังเกต CARTIER LOVE BRACELET ดูง่ายๆ ว่าแท้หรือปลอม

สร้อยข้อมือซ่อนความหมาย ‘เมแกน’ ในลุคเรียบง่าย ขณะพูดถึงการเหยียดเชื้อชาติ

The post สง่างามเหนือกาลเวลา “คิมเบอร์ลี่” สมตำแหน่ง Friend of Cartier ประเทศไทย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Limelight Gala กลไกอัตโนมัติซีรีส์แรกของ เพียเจต์

$
0
0

PIAGET Limelight Gala Automatic คอนเฟิร์มแล้ว! ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ เพียเจต์ (Piaget) กับเรือนเวลาอัตโนมัติในกลุ่มคอลเล็คชั่น Limelight Gala

เพียเจต์

คอลเล็คชั่น Limelight Gala จากเพียเจต์ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองที่เคียงข้างสุภาพสตรีมาหลายยุคสมัย ทั้งยังถ่ายทอดนิยามของอิสตรีผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจ ผู้เปี่ยมด้วยจินตนาการที่สร้างสรรค์ ผู้ที่กล้าเผชิญหน้า และมาดมั่นในความอิสระ

ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Limelight Gala กลไกอัตโนมัติซีรีส์แรกของ เพียเจต์

เพียเจต์

เพื่อสดุดีความเชี่ยวชาญที่เมซงมีมาอย่างยาวนาน มาปีนี้แบรนด์ได้นำจิตวิญญานมาปรุงแต่งไปอีกขั้น โดยนำเสนอเรือนเวลา Limelight Gala ถึง 5 รุ่นด้วยกัน ซึ่งทุกรุ่นรังสรรค์บนตัวเรือนขนาด 32 มิลลิเมตร ทว่าซุกซ่อนระบบกลไกแบบใหม่ล่าสุดที่ผลิตขึ้นในโรงงานของเมซงเอง อย่าง 501P ไว้ภายใน นับเป็นกลไกอัตโนมัติตัวแรกในซีรีส์ Limelight Gala ที่แบรนด์ภูมิใจนำเสนอในรอบ 50 กว่าปี และนี่คือ 5 เรือนเวลาที่พร้อมโลดแล่นในทุกช่วงแห่งความสุขไปกับเหล่าสุภาพสตรี

Gold Milanese mesh bracelet versions

เพียเจต์
G0A45212

สำหรับ 2 โมเดลแรกนี้มาในดีไซน์สายรัดข้อมือแบบเมลานีส ที่ชวนให้นึกถึงสุนทรียะอันอ่อนช้อยของเส้นสายในยุคทศวรรษที่ 1950 สานต่อความเรืองรอง เอกลักษณ์และเทคนิคเฉพาะอันเก่าแก่สู่ตัวเรือนปัจจุบันได้อย่างน่าชื่นชม

เพียเจต์
G0A45213

โดยสายรัดข้อมือแบบเมลานีสหนึ่งเส้นใช้เวลาในการรังสรรค์กว่า 35 ชั่วโมง เริ่มจากนำทองคำแท่งมาผ่านกระบวนการบัดกรีจนได้เส้นสายที่บางเบาราวกับเส้นไหม จากนั้นถักทอทีละเส้นด้วยมืออย่างวิจิตรบรรจง ก่อเกิดผลลัพธ์ที่เบาสบายเมื่อยามสวมใส่ ทั้งยังหลอมรวมเข้ากับตัวเรือนและขาแบบอสมมาตรได้อย่างกลมกลืน มีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่นไวท์โกลด์ (G0A45212) และ โรสโกลด์ (G0A45213)

White gold and rose gold versions on alligator straps 2

G0A45360
G0A45361

รุ่นถัดมารังสรรค์บนตัวเรือนไวท์โกลด์ (G0A45360) และ โรสโกลด์ (G0A45361) เช่นกัน มาในลุคสายหนังจระเข้สีดำที่ตอบโจทย์ทั้งแง่ความคลาสสิกและใช้งานได้อย่างหลากหลาย เสริมความเฟมินีนด้วยประกายของเพชรบริลเลียนต์คัตรวม 62 เม็ด (ราว 1.64 กะรัต) ที่ขอบและขาตัวเรือน

A Precious snow setting

G0A45362

ปิดท้ายด้วยอีกสไตล์ที่น่าจับตากับ PIAGET Limelight Gala Automatic (G0A45362) ที่มาพร้อมหน้าปัดประดับเพชรบริลเลียนต์คัต ซึ่งแต่ละเม็ดถูกฝังอย่างประณีตด้วยเทคนิค Snow Setting ที่ขึ้นชื่อเรื่องความซับซ้อนและต้องอาศัยทักษะในการคำนวณเพื่อหาตำแหน่งฝังเพชรที่ดีที่สุดให้กับเพชรแต่ละเม็ดที่มีขนาดต่างกันออกไป เพื่อส่งมอบประกายงามที่แปลกใหม่ให้กับผู้สวมใส่ในทุกช่วงเวลา

สัมผัสเรือนเวลาและเครื่องประดับชั้นสูงจากเพียเจต์ (Piaget) ได้แล้ววันนี้ ณ เพียเจต์ บูติค โดย เอส ทีไดเมนชั่น ชั้น M สยามพารากอน โทร. 02-610-9678


เอาใจนักสะสม BARONCELLI BIG DATE จาก MIDO มีเพียง 2020 เรือนทั่วโลก

หรูหรา สมการรอคอย นาฬิกา Rolex 4 รุ่นใหม่ในคอลเล็คชั่น Oyster Perpetual

The post ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Limelight Gala กลไกอัตโนมัติซีรีส์แรกของ เพียเจต์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เรียบ หรู มีเอกลักษณ์ สวมใส่ได้ทุกโอกาส Sirus Chain จาก Sirus Tanya

$
0
0

จากอินสปายเรชั่นของ สถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี สู่ Sirus Chain การรังสรรค์เครื่องประดับอันมีเอกลักษณ์ งดงาม เรียบหรู ไม่มีเหมือนใครจาก Sirus Tanya 

ไซรัส เชน คอลเล็คชั่นที่หลอมรวมความคลาสสิก โรแมนติกและมากด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมต่างๆ ของเมืองมิวนิก (Munich) ประเทศเยอรมนี ไว้ได้อย่างงดงาม ผ่านดีไซน์ “โซ่” (Chain) สัญลักษณ์แห่งความผูกพันและความแข็งแกร่ง ปรากฏเป็นเครื่องประดับเพชร อาทิ สร้อยข้อมือ , แหวน , สร้อยคอ และต่างหู ที่มีความเรียบหรู สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส

สำหรับ ไซรัส เชน คอลเล็คชั่นทำการออกมาแบบ Full Set คือ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน และ ต่างหู โดยได้อินสปายเรชั่นมาจากการเดินทางไปเที่ยวเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เป็นเมืองที่สวยงามมาก มีสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกอยู่ทั่วเมือง

และสิ่งที่สะดุดตาก็คือ โซ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรูปปั้น ด้วยลักษณะของโซ่เป็นเหลี่ยมแตกต่างจากโซ่ปกติที่เป็นทรงมนกลม จึงเกิดเป็นไอเดียนำมาทำเป็นเครื่องประดับที่ใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันและสามารถปรับเปลี่ยนดีไซน์ตามต้องการ

นอกจากนี้ยังเลือกใช้เพชรทรงบาเก็ตต์ (Baguette-ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า) ให้ความรู้สึกน่าค้นหา แข็งแกร่ง เบรคด้วยความอ่อนหวานกับเพชรทรงกลม นำมาฝังเพชรแบบสอด (Channel Setting) และไมโครพาเว่ (Micro Pavé) ซึ่งมีความซับซ้อนและต้องอาศัยความชำนาญของช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ

โดยสร้อยข้อมือโซ่ 1 เส้นใช้เวลามากกว่า 1,500 ชั่วโมง ในการรังสรรค์ความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ไว้อย่างประณีตสอดประสานเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว มีให้เลือก 4 ขนาด มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ ไวท์โกลด์ , โรสโกลด์ และ เยลโล่โกลด์

นอกจากนี้ Sirus Tanya ยังเปิดตัวมิวส์คนใหม่นั่นก็คือ สู่ขวัญ บูลกุล ซึ่งเธอให้สัมภาษณ์ว่า Sirus Chain Collection เป็นเครื่องประดับเพชรที่ให้คุณได้ค้นพบความสมบูรณ์แบบ ให้อิสระในการครีเอทเครื่องประดับในสไตล์ของเราเอง ดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็หรูหรามีระดับด้วยลวดลายรูปทรงเลขาคณิตกับความสมมาตรในทุกมุมมอง เรียงร้อยกันกลายเป็นโซ่

และที่สำคัญคือ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ ขนาด ความยาวได้ตามต้องการ เพื่อให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวในแต่ละวัน อาทิ เสื้อคอวีลึก หรือชุดเดรสที่โชว์ช่วงบนและสามารถนำสร้อยข้อมือมาแปลงเป็นจี้ได้ เพียงใส่ข้อต่อเพิ่มแล้วประกบเข้ากับสร้อยคอ กลายเป็นสร้อยคอเส้นใหม่ หรือออกแบบสร้อยที่ไล่ขนาดของโซ่ หรือจะสลับสีในแต่ละข้อ เรียกว่าเป็นการทลายกฎเกณฑ์ของงานดีไซน์จิวเวลรี่


ไซรัส ธัญญ่า รังสรรค์คอลเล็คชั่นใหม่ “Eternity Ring” แหวนล้อมเพชรแห่งรักนิรันดร์

10ข้อ รู้จัก “สู่ขวัญ บูลกุล” สวย เก่ง น่ารัก จิตใจดี ยิ้มทีมีหลง

The post เรียบ หรู มีเอกลักษณ์ สวมใส่ได้ทุกโอกาส Sirus Chain จาก Sirus Tanya appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.


ทำความรู้จัก เสือแพนเตอร์ ไอคอนอันโดดเด่นของ คาร์เทียร์

$
0
0

ทำความรู้จักกับ เสือแพนเตอร์ ไอคอนโดดเด่นของ คาร์เทียร์ สัมผัสเรื่องราวความเป็นมา สายใยความผูกพันธ์ที่ถักร้อยคาร์เทียร์และเสือแพนเตอร์ไว้ด้วยกัน

ก่อนที่จะถึงนิทรรศการ Into The Wild ที่จะพาทุกท่านไปดื่มด่ำโลกของเสือแพนเตอร์ สัญลักษณ์ที่เคียงข้างคาร์เทียร์มาอย่างยาวนาน ชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับเสือแพนเตอร์ ไอคอนโดดเด่นของคาร์เทียร์ สัมผัสเรื่องราวความเป็นมา สายใยความผูกพันธ์ที่ถักร้อยคาร์เทียร์และเสือแพนเตอร์ไว้ด้วยกัน ก่อนจะรังสรรค์เป็นคอลเล็คชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลาสุดคลาสสิก ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์  (Panthère de Cartier)

เสือแพนเตอร์ ไอคอนโดดเด่นของคาร์เทียร์              

คาร์เทียร์
Panthère de Cartier brooch

เมื่อเอ่ยถึง คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและเรือนเวลาที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 173 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ย่อมนึกถึงสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับคาร์เทียร์มาอย่างยาวนาน อย่างเสือแพนเตอร์ (Panther) เสือรูปร่างปราดเปรียว มิยอมสยบให้ใคร เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังดึงดูดที่เผยถึงบุคลิกลักษณะอันเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว

เสือแพนเตอร์คือสิ่งมีชีวิตที่สะท้อนถึงความปรารถนาและเสน่ห์ดึงดูดใจ เต็มไปด้วยพลังอำนาจ อิสรภาพและจิตวิญญาณอันกล้าท้าทาย เสือแพนเตอร์เข้าใจคนประเภทเดียวกันเองเป็นอย่างดี เพราะเป็นเผ่าพันธุ์ที่เชื่อมร้อยเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยสัญชาติญาณและความเป็นตัวของตัวเอง

คาร์เทียร์และเสือแพนเตอร์ พรหมลิขิตที่ถูกเชื่อมร้อยไว้ด้วยกัน ผ่านสตรีผู้สร้างสรรค์ ฌาน ตูแซงท์

คาร์เทียร์
ฌาน ตูแซงท์

เสือแพนเตอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับคาร์เทียร์นับตั้งปรากฏให้เห็นครั้งแรกในรูปแบบลายจุดบนนาฬิกาข้อมือเมื่อปี ค.ศ. 1914 ก่อนจะมีวิวัฒนาการจากลวดลายเชิงนามธรรมสู่เรือนร่างอันสมจริงของเสือแพนเตอร์

อีก 3 ปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1917 เสือแพนเตอร์โลดแล่นบนกล่องเครื่องสำอางค์ที่หลุยส์ คาร์เทียร์มอบให้เป็นของขวัญแก่ ฌาน ตูแซงท์ (Jeanne Toussaint) ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ผู้หญิงคนแรกของคาร์เทียร์ สตรีผู้มีจินตนาการแหวกแนวและจิตวิญญาณอิสระ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง

คาร์เทียร์
Cigarette case, Cartier Paris, 1917

เรื่องราวความผูกพันธ์ระหว่างเสือแพนเตอร์และฌาน ตูแซงท์ดำเนินต่อไป ในอีก 2 ปีต่อมาฌานได้สั่งทำ กล่องเครื่องสำอางเคลือบลงยาเอนาเมลแบบจีนสีทองและสีดำ และเป็นอีกครั้งที่เสือแพนเตอร์ได้วาดท่วงท่าอยู่ด้วย ทำให้สิ่งมีชีวิตนี้กลายเสมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของฌาน ตูแซงท์ ต่อมาในปีค.ศ. 1948 ฌาน ตูแซงท์ ได้รังสรรค์การออกแบบอันเสมือนจริงให้กับเสือแพนเตอร์ในรูปแบบสามมิติ เสือแพนเตอร์จึงย่างกรายอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเมซงคาร์เทียร์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

คาร์เทียร์
Vanity Case 1919

การจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับการรังสรรค์คอลเล็คชั่นปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier) ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เรือนเวลา น้ำหอมและอื่นๆ อีกมากมายทำให้เสือแพนเตอร์ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ามาอย่างยาวนาน ผ่านการตีความหลากทิศทาง ทั้งในแนวธรรมชาตินิยม (Naturalistic), กราฟิก (Graphic) และนามธรรม (Abstract)

คาร์เทียร์
Panthère de Cartier Earrings
Panthère de Cartier ring
Panthère Necklace
The Panthère watch

ความท้าทายที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ คือการทำให้เสือแพนเตอร์ดูเสมือนมีชีวิตและเคลื่อนไหวอย่างสมจริง ซึ่งต้องอาศัยการดีไซน์ที่สร้างสรรค์ประกอบกับหัตถศิลป์ฝีมือชั้นครู ปฏิสัมพันธ์ที่ดำรงอยู่เช่นนี้คือกุญแจสำคัญแห่งพลังสร้างสรรค์อันเป็นนิรันดร์ของเสือแพนเตอร์

Panthère Community กลุ่มผู้กล้าที่สง่างาม เปี่ยมพลัง น่าหลงใหลเสมือนเสือแพนเตอร์

เสือแพนเตอร์มีชัยเหนือทุกอย่าง เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจที่สะกดทุกสายตาได้ตั้งแต่แรกเริ่ม เสือแพนเตอร์ถ่ายทอดตัวตนของกลุ่มคนรุ่นหนึ่งทั้งชายและหญิง ที่ต่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลและมีบุคลิกที่คล้ายเสือ เสือแพนเตอร์ถ่ายทอดบุคลิกที่มีเอกลักษณ์เป็นหนึ่งเดียวของสตรีผู้สูงศักดิ์ อย่าง ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์, มาเรีย เฟลิกซ์ (María Félix), จูเลียต เกรโก (Juliette Greco), บาร์บารา ฮัตตัน (Barbara Hutton) และอีกมากมายหลายท่าน

นอกจากนี้ ยังมีเซเลบริตี้รุ่นใหม่ที่หลงไหลในความสง่าและหาญกล้าของเสือแพนเตอร์ ได้แก่ มาเรียคาร์ลา บอสโคโน (Mariacarla Boscono), แอนนาเบลล์ วอลลิส (Annabelle Wallis),  เอลล่า บาลินสกา (Ella Balinska), จาง เจิ้น (Chang Chen), คาเรน ม็อก (Karen Mok) เป็นต้น

บุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ไร้ความหวาดกลัวและกล้าที่จะฉีกกฏเกณฑ์ ล้วนถูกดึงดูดให้เป็นเผ่าพันธุ์ของสัตว์ที่อันตรายที่สุดในโลกของคาร์เทียร์ เนื่องด้วยพลังความเย้ายวนของเสือแพนเตอร์และความปรารถนา

ดื่มด่ำเรื่องราวอันเป็นตำนานของคาร์เทียร์และความสง่าอย่างเสือแพนเตอร์ พร้อมยลโฉมคอลเล็คชั่น Panthère de Cartier ที่รังสรรค์จากไอคอนที่อยู่คู่กับคาร์เทียร์มาอย่างยาวนานด้วยตาท่านเอง ในนิทรรศการ Into the Wild ณ บูติกคาร์เทียร์ ชั้น M ศูนย์การค้าไอคอนสยาม 14 – 21 พฤศจิกายนนี้


 

The post ทำความรู้จัก เสือแพนเตอร์ ไอคอนอันโดดเด่นของ คาร์เทียร์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

งดงาม เหนือกาลเวลา! เปิดกรุนาฬิกา คาร์เทียร์ วินเทจ แรร์ไอเท็มในตำนาน

$
0
0

แพรวพาชมของสะสมอันเป็นตำนานของ มร.แฮรี่ เฟน ผู้ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้รอบรู้เรื่อง จิวเวลรี่-นาฬิกา คาร์เทียร์ ดีที่สุด

มร.แฮรี่ เฟน ขึ้นชื่อว่าเป็นนักสะสมระดับโลกผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน “คาร์เทียร์” แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงที่มีตำนานยาวนานกว่า 170 ปี สัญชาติฝรั่งเศสอย่างลึกซึ้ง ซึ่ง นิกกี้ วอน บูเรน จากโลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ และ มร.แฮรี่ เฟน มีรสนิยมที่เหมือนกันคือ หลงใหลในงานฝีมือชั้นเยี่ยมที่ออกแบบอย่างวิจิตรมีจินตนาการสร้างสรรค์และความละเมียดละไมในศาสตร์แห่งศิลป์

คาร์เทียร์เป็นแบรนด์เครื่องประดับระดับตำนานชื่อก้องโลก และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดทำเครื่องประดับให้แก่ราชสำนักต่างๆ ในยุโรป หลายประเทศ จนได้รับฉายาว่าเป็น “ผู้ผลิตเครื่องประดับให้ราชา และเป็นราชาแห่งเครื่องประดับ” ประกอบกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ดูสง่า สวยงามเหนือกาลเวลา

คาร์เทียร์ยังเป็นผู้นำในวงการนาฬิกาข้อมือสำหรับสุภาพบุรุษ แทนการใช้นาฬิกาพกอย่างสมัยก่อน ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) แต่นาฬิการุ่น Tank ที่ออกแบบในปี ค.ศ.1919 (พ.ศ. 2462) ยังถือว่าเป็นสุดยอดของความมีรสนิยมสำหรับสุภาพบุรุษจนถึงปัจจุบันและในปีค.ศ.1967 (พ.ศ. 2510) คาร์เทียร์ได้ผลิตนาฬิกาข้อมือรุ่น Crash ออกมาซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกในปัจจุบันเลยก็ว่าได้

ทั้งนี้เครื่องประดับและนาฬิกาวินเทจ สำหรับผู้หญิงและผู้ชายของคาร์เทียร์ที่นำมาจัดแสดงนั้นถูกผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1910-1991 (พ.ศ. 2454-2518) ซึ่งถือเป็นชิ้นงานจากยุคทองของคาร์เทียร์ที่เหล่านักสะสมทั่วโลกถวิลหาอยากครอบครองและหายากยิ่งนัก อีกทั้งยังคุ้มค่าในด้านการลงทุน เนื่องจากชิ้นงานหายากหลายๆ ชิ้นของคาร์เทียร์นั้นซื้อขายกันในราคาหลายล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว นับว่าคาร์เทียร์วินเทจนั้นควรค่าแก่การสะสม เพื่อการลงทุนเพราะมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

มร.แฮรี่ เฟน เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญเรื่องนาฬิกาและเครื่องประดับวินเทจของคาร์เทียร์ที่หาตัวเทียบได้ยาก เขาได้ทำการศึกษาหาข้อมูลมากว่า 40 ปี ทำให้มีความรู้ ความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับชิ้นงานเครื่องประดับหัตถศิลป์เลอค่าเหล่านี้ที่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความงดงามและประณีตมากว่าหนึ่งศตวรรษ

ในช่วงเวลาที่ มร.แฮรี่ เฟน เริ่มสนใจในงานของคาร์เทียร์นั้น ยังไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจผลงานของคาร์เทียร์มากนักจนกระทั่ง เมื่อปี ค.ศ.1978 (พ.ศ. 2521) เกิดการประมูลทรัพย์สินของนักสะสมชาวนิวยอร์ก นามว่า มร.โรเบิร์ต กรีน และต่อมาในปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) บริษัทคาร์เทียร์เองได้จัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน จาก 2 เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกระแสความตื่นตัวในหมู่นักสะสมในผลิตภัณฑ์วินเทจของคาร์เทียร์ขึ้นมาอย่างจริงจัง จนในปัจจุบันกระแสความสนใจและการแข่งขันดุเดือดอย่างมาก

เริ่มต้นกันที่นาฬิกาวินเทจสำหรับผู้หญิง Cartier Square Onyx and Diamond Lady’s Wristwatch – รุ่น “Nain Jaune” ซึ่งตั้งตามชื่อเกมกระดานของฝรั่งเศส 

โดยรุ่นที่นำมาจัดแสดงผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1913-1914 (พ.ศ. 2456-2457) โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเงินล้อมเพชร ประมาณ 0.8 กะรัต ตัดกับมุมที่ประดับด้วยโอนิคส์ (Onyx) เข็มทรงเบรเกต์ (Breguet) สีน้ำเงิน และตัวเลขโรมันสีดำ จุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ เม็ดมะยมทำด้วยไพลิน สายผ้าสีดำ

Cartier Tortue นาฬิกาคาร์เทียร์รุ่น “ตอร์ตู” ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เต่า โดยคาร์เทียร์ได้เปิดตัวนาฬิกาที่มีดีไซน์วงรีในปี ค.ศ.1912(พ.ศ. 2455) และกลายเป็นรุ่นยอดนิยมตลอดกาลรุ่นหนึ่งของแบรนด์ Cartier Platinum and Diamond ‘Tortue’ ผลิตในช่วง ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463) หรือมีอายุราว 101 ปี ตัวเรือนสีโรสโกลด์ประดับด้วยเพชรเจียระไนทรงโรสคัท (Rose Cut Diamond) น้ำหนัก 3 กะรัต เข็มทรงเบรเกต์ (Breguet) สีน้ำเงิน และตัวเลขโรมันสีดำ สายผ้าสีดำ สวยสง่าแบบเฟมินีน

Cartier A Square Diamond Set Lady’s Evening Wristwatch เรือนนี้มีอายุราว109 ปี ผลิตในปี ค.ศ.1911-1912 (พ.ศ. 2454 – 2455) เป็นนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมล้อมเพชรรุ่นแรกๆ ดีไซน์บาง 6 มิลลิเมตร สะท้อนความสง่างามของผู้หญิง ตัวเรือนทองคำขาว ประดับเพชรทรงโรสคัท (Rose Cut Diamond) 3.2 กะรัต หน้าปัดสีเงิน ตัดกับตัวเลขโรมันสีดำ เข็มทรงเบรเกต์ (Breguet) สีน้ำเงิน และจุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ

A Platinum, Diamond and Onyx Lady’s Wristwatchนาฬิกาคาร์เทียร์เรือนนี้ผลิตขึ้นเมื่อ ค.ศ.1919 (พ. ศ.2462) หรือ 101 ปีก่อน ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงต้นปี ค.ศ.1910 (พ.ศ. 2453) คาร์เทียร์แบรนด์ที่ไม่ได้วิ่งตามแฟชั่น แต่ถือคติ ห้ามลอกเลียนแบบจงสร้างสรรค์ ได้นำสีดำและสีขาวมาใช้ ซึ่งเป็นรูปแบบของศิลปะแนวอาร์ตเดโค   (Art Deco) ซึ่งเป็นศิลปะที่หลุดพ้นจากความเป็น Classic เข้าสู่ยุคเริ่มต้นของ Modernism เริ่มในช่วงปี ค.ศ. 1925-1939 (พ.ศ. 2468 – 2482) เป็นศิลปะที่เน้นการใช้เส้นโค้ง เส้นตรงเรียบง่ายแต่ดูแข็งแรง โดดเด่นในลักษณะที่เป็นรูปทรงเรขาคณิต สะท้อนความหรูหราและสง่างาม

โดยนาฬิกาเรือนนี้มีหน้าปัดสีเงิน ตัวเลขโรมันสีดำ เข็มทรงเบรเกต์ (Breguet) สีน้ำเงิน และจุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ ตัวเรือนทองคำขาวล้อมเพชร น้ำหนักโดยประมาณ 2.5 กะรัต และโอนิคส์ (Onyx) หรือ นิลดำ สายผ้าสีดำ

Cartier Round Platinum and Diamond Wristwatch คาร์เทียร์ ผู้ปฏิวัติวงการนาฬิกาด้วยการคิดค้นนาฬิกาข้อมือ โดยในปี ค.ศ.1907 (พ.ศ. 2450) คาร์เทียร์เริ่มสร้างนาฬิกาข้อมืออย่างจริงจังและเป็นสิ่งที่ชนชั้นสูงในสมัยนั้นต่างถวิลหาอยากครอบครอง โดยนาฬิกาเรือนที่นำมาแสดงนี้ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1919 (พ. ศ. 2462) เด่นด้วยดีไซน์ทรงกลม เป็นดีไซน์ที่หาได้ยากของคาร์เทียร์ หน้าปัดสีเงิน ล้อมเพชรประมาณ 3 กะรัต ตัวเลขโรมันสีดำ เข็มทรง Breguet สีน้ำเงิน และจุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

Cartier Antique Diamond Lady’s Cocktail Watchนาฬิกาเรือนนี้ผลิตเมื่อ93 ปีก่อน ในปี ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470) ตัวเรือนทองคำขาว หน้าปัดทรงสีเหลี่ยมล้อมเพชร ตัวเลขอารบิก และเข็มทรง Èpée หรือ ทรงดาบ และจุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเรือนด้วยสายนาฬิกาดีไซน์แบบสายเชือกสีดำ

สำหรับใครที่หลงใหล Cartier Tank สุดยอดดีไซน์คลาสสิกจนกลายเป็นตำนานของคาร์เทียร์ต้องไม่พลาดยลโฉม

Cartier Antique Tank Normale Diamond set cocktail ซึ่งมีอายุกว่า 98 ปี ผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1922 (พ.ศ.2465)  โดย Cartier Tank เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) นาฬิกาเรือนที่นำมาโชว์นี้เป็นรุ่นที่สวยงามโดดเด่นด้วยเพชรเจียระไนทรงโรสคัท 2.50 กะรัต หน้าปัดสีเงิน ตัวเลขโรมัน เข็มแบบ Breguet สีน้ำเงิน และจุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ

Cartier Tank Normaleเรือนนี้ผลิตในปี ค.ศ.1929(พ.ศ. 2472) หรือ 91 ปีก่อน เป็นดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลาคงความคลาสสิกจนถึงปัจจุบัน หน้าปัดสีเงิน ตัวเลขโรมัน เข็มแบบ Breguet สีน้ำเงิน และจุดแสดงเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ เข้ากันได้อย่างลงตัวกับสายหนังสีน้ำตาล ตัวเรือนหนา 5.5 มิลลิเมตร

Cartier Tank Cintrée – Curvedผลงานที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์ เรือนนี้ผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1967(พ.ศ.2510) ตัวเรือนบางและการดีไซน์ที่ให้โค้งตามข้อมือของผู้สวมใส่ หน้าปัดคงความคลาสสิกด้วยเลขโรมันโลโก้คาร์เทียร์ เข็มนาฬิกาทรงดาบสีน้ำเงิน (Épée) เม็ดมะยมทำด้วยไพลิน และสายหนัง

นาฬิการุ่น ‘Crash’ นับเป็นผลงานที่ดึงดูดทุกสายตากับตัวเรือนที่บิดเบี้ยว แต่งดงาม ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากจินตนาการของ มร.ฌอง-ฌาคส์ คาร์ทิเยร์ ที่ว่าหากนาฬิกา รุ่น Tank เกิดอุบัติเหตุรถชนจะมีรูปร่างอย่างไร

Cartier, An 18ct Gold and Diamond ‘Crash’ Wristwatch ผลิตขึ้นในช่วง ค.ศ.1991  (พ.ศ.2534)  ตัวเรือนทองคำขาว ประดับเพชร 4 – 4.30 กะรัต หน้าปัดสีขาวนวลตัดกับตัวเลขโรมันสีดำ สลักคำว่า Cartier ที่   IIV เข็มนาฬิกาทรงดาบสีน้ำเงิน (Épée) สายผ้าสีน้ำเงิน


ก่อนซื้อต้องรู้! วิธีสังเกต CARTIER LOVE BRACELET ดูง่ายๆ ว่าแท้หรือปลอม

ทำความรู้จัก เสือแพนเตอร์ ไอคอนอันโดดเด่นของ คาร์เทียร์

น่ารักอีกแล้ว! Cartier “juste un clou” ของขวัญครบรอบขอแต่งงาน บูบี วารีนิธิ

The post งดงาม เหนือกาลเวลา! เปิดกรุนาฬิกา คาร์เทียร์ วินเทจ แรร์ไอเท็มในตำนาน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เปิดกรุ เครื่องประดับ Cartier วินเทจ ของสะสมสุดล้ำค่า ไอเท็มหายากในตำนาน

$
0
0

เอาใจแฟนๆ Cartier แพรวพาไปเปิดกรุ เครื่องประดับสุดวินเทจ คอลเล็คชั่นหายาก ไอเท็มในตำนาน ของสะสมสุดล้ำค่าของ มร.แฮรี่ เฟน ผู้ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้รอบรู้เรื่อง จิวเวลรี่-นาฬิกา คาร์เทียร์ ดีที่สุด

รอบที่แล้วเราพาคาร์เทียร์เลิฟเวอร์ไปดู นาฬิกาคอลเล็คชั่นวินเทจ ซึ่งแต่ละรุ่นนั้นบอกได้เลยว่าพิเศษสุดๆ เพราะเป็นรุ่นหาซื้อยาก และบางเรือนราคาเหมาะสุดๆ ที่จะลงทุน เพราะซื้อแล้วมีแต่ราคาขึ้น รอบนี้แพรวขอจัดเครื่องประดับหายาก รุ่นในตำนานของคาร์เทีร์ มาให้คุณๆ ได้ชมกัน

เปิดกรุ เครื่องประดับ Cartier วินเทจ ของสะสมสุดล้ำค่า ไอเท็มหายากในตำนาน

เครื่องประดับ Cartier วินเทจ

Cartier Love Bangle กำไลข้อมือทอง 18K ที่นำมาแสดงในครั้งนี้ผลิตขึ้นราวปี ค.ศ.1975 (พ.ศ. 2518) เป็นเครื่องประดับเพื่อแสดงความรักเหนือกาลเวลาดีไซน์สง่างามไร้ที่ติ มาพร้อมไขควงเก็บรักษาอย่างดีในกล่องหนังสีแดงของแบรนด์คาร์เทียร์

เครื่องประดับ Cartier วินเทจ

Cartier, London, A Gem and DiamondCocktail Ring ค.ศ.1960 (พ. ศ. 2503) แหวนค็อกเทลวินเทจ  ประดับเพชร 1.5 กะรัต สลับทับทิบและแซฟไฟร์สีเขียวเจียระไนทรงเหลี่ยม เก็บรักษาอย่างดีในกล่องหนังสีแดงของแบรนด์คาร์เทียร์ ลอนดอน

เครื่องประดับ Cartier วินเทจ

Cartier Paris Diamond “Leek” Brooch เข็มกลัดประดับเพชรดีไซน์เก๋ของคาร์เทียร์ชิ้นนี้มีอายุ90 ปี ถูกครีเอทขึ้น ค.ศ.1930 (พ.ศ. 2473) ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ดีไซน์เป็นรูป Leek ประดับเพชรรวมน้ำหนักโดยประมาณ 1.5 – 1.7 กะรัต ได้อย่างประณีต

Cartier, A Gold and Diamond“Draperie”Necklace สร้อยคอทองประดับเพชรคาร์เทียร์ ดีไซน์คลาสสิกด้วยโซ่ลูกปัดทรงกลมขัดเงา 10 เส้น เรียงร้อยจนเกิดมิติ ประดับเพชร ประมาณ 2.10-2.30 กะรัต

Cartier, Paris, A Gold Collar Necklace สร้อยคอทองคำเส้นนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นราวปีค.ศ.1940 (พ.ศ. 2483) เป็นสร้อยคอที่เรียบหรูและสง่างาม โดดเด่นด้วยดีไซน์คล้ายเชือกสองเส้นซึ่งถูกฉลุลายการเชื่อมอิฐ อ่อนช้อยด้วยดีไซน์ใบไม้ที่ถูกสลักอย่างประณีตแลดูพริ้วไหว ถูกเก็บรักษาอย่างดีในกล่องหนังสีแดงของแบรนด์คาร์เทียร์

Cartier, A Mid-20th Century Sapphire,Ruby and Diamond Leaf Brooch เข็มกลัดรูปใบไม้วินเทจชิ้นนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1950 (พ.ศ. 2493) โดยดีไซน์คล้ายสัญลักษณ์ Buta (บูตา) ในภาษาสันสกฤตแปลว่า “ไฟ” เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ สง่าราศี ฉลุลายตาข่าย ประดับทับทิม แซฟไฟร์สีน้ำเงินและเพชร มาพร้อมกล่องหนังสีแดงลงนาม Cartier Paris

Cartier, Paris, A Pair of Gold ‘Coffee Bean’ Bracelets สร้อยข้อมือดีไซน์เมล็ดกาแฟสีทอง จำนวนสองเส้น จากคาร์เทียร์ในปี ค.ศ.1950 (พ.ศ. 2493) สามารถปรับเป็นสร้อยคอได้โดยห่วงโซ่รูปไข่ มาพร้อมกับกล่องหนังสีแดงของแบรนด์

สำหรับใครที่ชื่นชอบดีไซน์จิวเวลรี่ในยุคเฟื่องฟูของศิลปะอาร์ตเดโค (Art Deco) ในช่วงปี 1920 ถึง 1935 ต้องไม่พลาดชมเครื่องประดับวินเทจของคาร์เทียร์ที่มีอายุ 90 ปี ถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1930. หรือ พ.ศ. 2473 ซึ่งแต่ละชิ้นมีความยูนีค สะท้อนความเรียบง่าย สง่างาม อาทิ   

Cartier, Paris, An Art Deco Diamond Bracelet จากค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) สร้อยข้อมือประดับเพชรสไตล์อาร์ตเดโค (Art Deco) ประกอบด้วยเพชรเจียระไนแบบโรสคัทและเพชรทรงกลม น้ำหนักประมาณ 22 – 24 กะรัต สร้อยข้อมือชิ้นนี้คือการหลอมรวมความเรียบง่าย แต่หรูหราด้วยลายฉลุ โดดเด่นด้วยเพชรเม็ดเดียว ซึ่งวางอยู่ตรงกึ่งกลาง น้ำหนัก 2.62 กะรัต และเพชรที่วางอยู่ตรงปลายสำหรับล็อก 3.20 กะรัต

Cartier, London, An Art DecoDiamond Braceletค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) สร้อยข้อมือประดับเพชรสไตล์อาร์ตเดโค (Art Deco) จากคาร์เทียร์ ลอนดอน สะดุดตาด้วยดีไซน์ที่พลิ้วไหวของริบบิ้นเมื่อต้องลมจนเกิดคลื่น (undulating ribbon) งดงามด้วยการประดับเพชรทรงบิลเลี่ยนคัท และ เข็มทรง Breguet รวมน้ำหนักเพชรประมาณ 22-24 กะรัต บรรจุในกล่องหนัง คาร์เทียร์ ลอนดอน สีแดง

Cartier, London, An Art DecoCartier, Paris, A Pair of Art DecoDiamond Earrings ต่างหูเพชรสไตล์อาร์ตเดโค (Art Deco) จากคาร์เทียร์ ปารีส ปี ค.ศ. 1930 ดีไซน์น้ำตก ประดับเพชรเจียระไนทรงหยดน้ำ หรือทรงลูกแพร์ และเพชรเหลี่ยม รวมน้ำหนักเพชรประมาณ 21-24 กะรัต บรรจุในกล่องหนัง คาร์เทียร์ สีแดง


งดงาม เหนือกาลเวลา! เปิดกรุนาฬิกา คาร์เทียร์ วินเทจ แรร์ไอเท็มในตำนาน

The post เปิดกรุ เครื่องประดับ Cartier วินเทจ ของสะสมสุดล้ำค่า ไอเท็มหายากในตำนาน appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

Panthère de Cartier งานหัตถศิลป์และฝีมือชั้นครู สู่สัญลักษณ์แห่ง เสือแพนเตอร์

$
0
0

หัตถศิลป์และการฝีมือชั้นครูของคอลเล็คชั่นปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier) นำเสือแพนเตอร์ย่างกรายผ่านการตีความอันหลากหลาย

คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและเรือนเวลาสัญชาติฝรั่งเศสที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 173 ปี มีสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กับแบรนด์มาอย่างยาวนานอย่าง เสือแพนเตอร์ (Panther) เสือรูปร่างปราดเปรียว มิยอมสยบให้ใคร เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังดึงดูดที่เผยถึงบุคลิกลักษณะอันเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว

คาร์เทียร์รังสรรค์เสือแพนเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่ามาอย่างยาวนาน ผ่านการตีความหลากทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์แบบนามธรรม (Abstract), แบบสมจริง (Naturalistic) และเรขาคณิต (Graphic) คอลเล็คชั่น ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ จึงมีความหลากหลาย ตั้งแต่เครื่องประดับ เรือนเวลา น้ำหอม และแอคเซสซอรี่อื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้คอลเล็คชั่นปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier)

เสือแพนเตอร์กับดีไซน์แบบนามธรรม (Abstract)

 

การตีความเสือแพนเตอร์ในดีไซน์แบบนามธรรม (Abstract) คือดีไซน์แบบดั้งเดิมของเสือแพนเตอร์ที่ปรากฏโฉม ณ เมซงคาร์เทียร์เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1914 บนนาฬิกาประดับเพชรและโอนิกซ์เป็นลายจุดเสือแพนเตอร์

 

ดีไซน์ลายจุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสือแพนเตอร์ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์นับแต่นั้นเป็นต้นมา คาร์เทียร์ถ่ายทอดลักษณ์ของเสือแพนเตอร์ได้อย่างสมจริง ผ่านความลงตัวของการจัดเรียงเพชรและโอนิกซ์ ตลอดจนรูปทรง ความนูนและจำนวนของลายจุด รูปร่างของลายจุดที่เลือกใช้ช่วยสร้างรูปทรงให้กับลวดลายเสือแพนเตอร์ ในขณะที่สีที่ 3  ที่เลือกใช้จะช่วยเติมเต็มสีสันให้กบองค์ประกอบของเครื่องประดับชิ้นนั้นๆ

เสือแพนเตอร์กับดีไซน์แบบสมจริง (Naturalist)

คาร์เทียร์เฝ้าพินิจพิจารณาเสือแพนเตอร์ ไม่ว่าจะในขณะหมอบคอยจังหวะ ขณะโจนทะยานเข้าจู่โจม ขณะไล่ล่าเหยื่อ หรือในยามพักผ่อน แต่นี่ไม่ใช่การถอดแบบ ทว่าเป็นการตีความอย่างมีศิลปะชั้นเชิง ดีไซเนอร์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้มุมมองแบบสามมิติร่างภาพตามความเป็นจริงเพื่อดูเสมือนมีชีวิตและเคลื่อนไหวอย่างสมจริง จากนั้นจึงแต่งแต้มลักษณะตามธรรมชาติของเสือแพนเตอร์

การออกแบบเช่นนี้ เพื่อเน้นคาแร็คเตอร์ของเสือแพนเตอร์ด้วยเทคนิคต่างๆ ตั้งแต่การกำหนดโครงสร้าง การเน้นให้เสือแพนเตอร์โดดเด่นเมื่อประดับอยู่บนชิ้นงาน หรือการเลือกใช้อัญมณีขนาดใหญ่ แต่จะต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้งานของเครื่องประดับแต่ละแบบอีกด้วย เสือแพนเตอร์จะต้องกลมกลืนกับดีไซน์โดยรวม ไม่ว่าจะเป็น กำไลข้อมือ สร้อยคอ แหวน หรือต่างหู

คาร์เทียร์ถ่ายทอดกายวิภาคของเสือแพนเตอร์ได้อย่างสมจริง ผ่านมัดกล้ามเนื้อ รูปพรรณสัณฐาน ขนาดและท่าทาง เพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์อันหนักแน่นในแบบประติมากรรม พลังของเสือแพนเตอร์ถูกเน้นให้โดดเด่นขึ้นจากการศึกษากายวิภาคของเสือแพนเตอร์

คาร์เทียร์มุ่งค้นหาบุคลิกที่แท้จริงของเสือแพนเตอร์ อันได้แก่ ความดุดันและสัญชาตญาณดิบ ดีไซน์นี้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของเสือแพนเตอร์ได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านจินตนาการอันงดงามของที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง

เสือแพนเตอร์กับดีไซน์แบบเรขาคณิต (Graphic)

รูปทรงเรขาคณิตเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการออกแบบของคาร์เทียร์ เมื่อนำมาร่วมกับเสือแพนเตอร์ จึงเผยให้เห็นรูปร่างอันหนักแนนในแบบกราฟิก ขั้นตอนการรังสรรค์เผยโครงสร้างของเสือแพนเตอร์ ผ่านมุมมองอันร่วมสมัยที่ลดทอนรายละเอียดเฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่สถาปนิกทำ ซึ่งคำนึงถึงฟังก์ชั่นการใช้งาน หลักสรีรศาสตร์และการสวมใส่อย่างสบายเช่นกัน

จากการตีความทั้งสามแบบ ทั้งใน นามธรรม (Abstract), แบบสมจริง (Naturalistic), และเรขาคณิต (Graphic) ความท้าทายที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ คือการทำให้เสือแพนเตอร์ดูเสมือนมีชีวิตและเคลื่อนไหวอย่างสมจริง ซึ่งต้องอาศัยการดีไซน์ที่สร้างสรรค์ประกอบกับหัตถศิลป์ฝีมือชั้นครู

ภูมิปัญญาของปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ หรือ Savior-Faire คือการรวมตัวกันของความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางเข้ากับขั้นตอนการลงมือทำจริง เกิดเป็นเครื่องประดับอันสมบูรณ์แบบ ทุกการตัดสินใจในการออกแบบ ไปจนถึงการฝังอัญมณีด้วยเทคนิคต่างๆ เกิดขึ้นจากจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียวคือการสื่อสารจิตวิญญาณแห่งเสือออกมาผ่านชิ้นงาน

ความต้องการของคาร์เทียร์ ไม่ใช่การเลียนแบบธรรมชาติ แต่เป็นการยกย่อง เชิดชูธรรมชาติ ทำให้เสือแพนเตอร์ นอกจากจะดูราวกับมีชีวิตจริงๆ แล้วยังมีคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวอีกด้วย ความมีชีวิตชีวาของเสือแพนเตอร์ในผลงานของคาร์เทียร์ เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันตลอดกระบวนการทำงานของฝ่ายออกแบบและเหล่าช่างฝีมือ ทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนความคิด และทักษะการทำงานกันอยู่เสมอ เพื่อทำให้เสือแพนเตอร์บนชิ้นงานมีท่วงท่าที่สง่างาม สมจริง ทำให้ตัวงานดูดีในทุกมุมมอง  ปฏิสัมพันธ์ที่ดำรงอยู่เช่นนี้คือกุญแจสำคัญแห่งพลังสร้างสรรค์อันเป็นนิรันดร์ของเสือแพนเตอร์

ดื่มด่ำเรื่องราวอันเป็นตำนานของคาร์เทียร์และความสง่าอย่างเสือแพนเตอร์ พร้อมยลโฉมคอลเล็คชั่น ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier) ที่รังสรรค์จากไอคอนที่อยู่คู่กับคาร์เทียร์มาอย่างยาวนานด้วยตาท่านเอง ในนิทรรศการ  Into The Wild ณ บูติกคาร์เทียร์ ชั้น M ศูนย์การค้าไอคอนสยาม Into the Wild ณ บูติกคาร์เทียร์ ชั้น M ศูนย์การค้าไอคอนสยาม บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา11.00 – 19.00 น. ตั้งแต่วันที่ 14 – 22 พฤศจิกายน 2563


ทำความรู้จัก เสือแพนเตอร์ ไอคอนอันโดดเด่นของ คาร์เทียร์

งดงาม เหนือกาลเวลา! เปิดกรุนาฬิกา คาร์เทียร์ วินเทจ แรร์ไอเท็มในตำนาน

เปิดกรุ เครื่องประดับ Cartier วินเทจ ของสะสมสุดล้ำค่า ไอเท็มหายากในตำนาน

The post Panthère de Cartier งานหัตถศิลป์และฝีมือชั้นครู สู่สัญลักษณ์แห่ง เสือแพนเตอร์ appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

หรูหรา ไม่เหมือนใคร ของขวัญแฮนด์เมด ของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ เพื่อคนที่คุณรัก

$
0
0

เพิ่งเคาท์ดาวน์ต้อนรับปีชวดไปไม่ทันไรเผลอแป๊บเดียวอีกไม่กี่เดือนก็ต้องบอกลาปีชวดต้อนรับปีฉลูกันแล้ว หลายคนเริ่มมองหา ของขวัญแฮนด์เมด ของขวัญชิ้นพิเศษ ของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ แทนความรู้สึก เพื่อมอบให้กับผู้ใหญ่ เพื่อน หรือแทนคำบอกรักกับคนรู้ใจ

จิวเวลรี่ ของแต่งบ้านแฮนด์เมดดีไซน์อาร์ต เป็นอีกตัวเลือกนึงที่เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญ  โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ (Lotus Arts de Vivre) แบรนด์จิวเวลรี่และของแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านดีไซน์ สัญชาติไทย เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไทยที่มีสินค้าหลากหลาย เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญ เพื่อส่งต่อความรู้สึกให้กับคนพิเศษ

หรูหรา ไม่เหมือนใคร ของขวัญแฮนด์เมด ของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ เพื่อคนที่คุณรัก

เริ่มต้นกันที่เครื่องประดับดีไซน์เก๋ แฝงความหมายของคำว่า “รัก” เหมาะกับให้คนรู้ใจ หรือ ผู้ใหญ่ที่เคารพ  กับ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู ลาย “ดอกรัก” ดอกไม้มงคลของคนไทย สื่อถึงความรักอันบริสุทธิ์ จะเป็นความรักแบบแม่-ลูก ความรักที่มีต่อผู้ใหญ่ที่เคารพ รวมถึงความรักแบบคู่รัก

Crown Flower Necklace with Ruby สร้อยคอดอกรัก ทำจากทองแท้ 24K หรือทอง 99.9% ประดับด้วยหินแบล็คอาเกต (Black Agate) สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง นำมาซึ่งความร่ำรวย และทับทิมพม่าสีแดงแกมชมพู 12.78 กะรัต และไข่มุก ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ราคา 75,000 บาท

Crown Flower Bracelet with Ruby สร้อยข้อมือดอกรัก โดดเด่นด้วยดอกรักทำจากทอง 24K จำนวน 16 ดอก นำมาเรียงร้อยเป็นสร้อยข้อมือดอกรักสองเส้นวางคู่ขนานกัน ประดับด้วยหินแบล็คอาเกต (Black Agate) สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง นำมาซึ่งความร่ำรวย และทับทิมพม่าสีแดงแกมชมพู 7.695 กะรัต ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ราคา 50,000 บาท

Hop and Crown Flower Earrings with Pearl and Agate ต่างหูดอกรัก โดดเด่นด้วยดีไซน์เปลือกกูสเบอรี่ ซึ่งทางแบรนด์ได้นำเปลือกกูสเบอรี่ของจริงมาประดับด้วยทอง 24K ด้วยเทคนิคพิเศษ ประดับด้วยมุกและหินแบล็คอาเกต (Black Agate) ราคา 59,000 บาท

“ช้าง” สัตว์มงคล ส่วนมากนิยมนำรูปปั้นช้างมาตกแต่งบ้าน เพราะช้างเปรียบเสมือนขุนเขาใหญ่ สื่อความหมายถึงความมั่นคง ความสมบูรณ์ ความสำเร็จ และความสงบสุข ดังนั้นหากมองหาของขวัญสักชิ้นสำหรับมอบให้ในวันปีใหม่ ต่างหูรูปช้างก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

Earring gold elephant black horn diamond ต่างหูรูปช้างทำจากเงินแท้ชุบทองคำ 18K ดวงตาประดับเพชร 0.072 กะรัต เพิ่มความเก๋ด้วยการดีไซน์งวงช้างเป็นรูปขดหอย ทำจาก black horn ราคา 99,000 บาท

ของแต่งบ้าน สำหรับประดับโต๊ะอาหาร หรือ โต๊ะในห้องรับแขก เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สามารถมอบเป็นของขวัญในวันพิเศษได้ เพราะนอกจากความสวยงามแล้วยังใช้งานได้จริงอีกด้วย

ลืมกล่องใส่ไม้จิ้มฟันแบบเดิมๆ และพบกับ Toothpick Holder “เม่นตัวน้อย” ถูกนำมาดีไซน์เป็นที่ใส่ไม้จิ้มฟันแสนเก๋ ทำจากเงินแท้แกะสลัก ฐานทำจาก Black Onyx โอนิกซ์สีดำ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นหินปัดรังควาน ช่วยขจัดปัญหา ความวุ่นวายใจ และปกป้องคุณจากความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงได้ ราคา 21,000 บาท

ไอเท็มถัดมา คือ Abalone Shell Tray with Peacock ถาดใส่ผลไม้ ทำจากเปลือกหอย Abalone หรือ Mother of Pearl  เด่นด้วยสีสันสวยงามของสีรุ้งตามธรรมชาติของเปลือกหอย และเพิ่มความงดงามด้วยการประดับนกยูงทำจากเงินแท้ แกะสลักอย่างประณีต  ซึ่งชาวจีนเชื่อว่านกยูงเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ สื่อถึงความสง่างาม อำนาจ วาสนา ราคา 58,000 บาท

Brown Shell Tray with Rats ถาดใส่ผลไม้ทำจากเปลือกหอยสีน้ำตาล ประดับหนูทำจากเงินแกะสลัก ปีชวดถือเป็นปีนักษัตรแรกในจักรราศีของจีน และในแง่ของทฤษฎีหยินและหยาง หนู คือ หยาง หมายถึง ดวงอาทิตย์ ความกระตือรือร้น การเคลื่อนขึ้นไปด้านบน การเจริญเติบโต เจริญรุ่งเรือง ราคา 32,000 บาท

ชามดีไซน์สวยๆ สำหรับตั้งโชว์ในห้องรับแขก ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ถูกใจผู้รับแน่นอน  Mother of Pearl Swan Bowl ชามรูปหงส์สุดหรู ตัวชามทำจากเปลือกหอยมุก ส่องประกายแวววาว เข้ากันได้อย่างลงตัวกับหงส์ ทำจากเงินแท้แกะสลักอย่างประณีต ราวกับมีชีวิต หงส์ เปรียบดังราชินีแห่งมวลสัตว์ ตามหลักฮวงจุ้ย หมายถึง การเริ่มต้นหรือตั้งต้นใหม่ที่ดี ราคา 160,000 บาท

Galuchat Bowl with Sterling Silver Pelican and Lining with Goldleaf ชามขนาดพอดี เหมาะกับการตั้งโชว์ในห้องทำงาน หรือ ใส่ขนมขบเคี้ยวสำหรับรับรองแขก ตกแต่งด้วยหนังกระเบน ประดับรูปนกเพลิแกน ทำจากเงินแกะสลัก ราคา 35,000 บาท

พบกับเครื่องประดับและของแต่งบ้านดีไซน์ไม่ซ้ำใครได้ที่ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ บูทีค, โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เวลา 10.00 – 18.00 น. โทร. 02-250-0732 หรือ www.lotusartsdevivre.com, Instagram @ lotusartsdevivre


 

The post หรูหรา ไม่เหมือนใคร ของขวัญแฮนด์เมด ของแต่งบ้านดีไซน์เก๋ เพื่อคนที่คุณรัก appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

เปิดสเปก Leica Q2 Monochrom 1.9 แสนบาท กล้องคอมแพค 47.3 ล้านพิกเซล

$
0
0

เปิดสเปก Leica Q2 Monochrom กล้องคอมแพคแบบฟูลเฟรมเพียงหนึ่งเดียวในโลกที่มีเซ็นเซอร์โมโนโครมมาให้โดยเฉพาะ มาพร้อมความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล ในราคา 199,600 บาท

Leica Q2 Monochrom

Leica แบรนด์กล้องระดับโลกมีอายุร่วมร้อยปี ส่งกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล Leica Q อย่าง Leica Q2 Monochrom (ไลก้า คิว2 โมโนโครม) มาเขย่าวงการด้วยสเปกกล้องที่จัดเต็มเพื่อถ่ายภาพขาว – ดำโดยเฉพาะ โดย ไลก้า คาเมร่า ไทยแลนด์

Leica Q2 Monochrom

ไลก้า คิว2 โมโนโครม มาพร้อมเซ็นเซอร์โมโนโครมแบบฟูลเฟรมที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมด้วยเลนส์ไพรม์ไวแสง Leica Summilux 28 mm f/1.7 ASPH. ความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอระดับ 4K  ได้อย่างสวยสดงดงามที่ 3840 x 2160 พิกเซล ด้วยเฟรมเรท 30 หรือ 24 fps (ความเร็วในการบันทึกภาพในหนึ่งวินาที) หรือในรูปแบบ Full HD ด้วยเฟรมเรท 120, 60, 30 หรือ 24 fps ที่มีรายละเอียดครบถ้วนได้ที่ความไวแสงสูงถึง ISO 100,000 และยังมีโมดูล Wi-Fi ในตัวที่จะทำงานร่วมกับแอพ Leica FOTOS เพื่อให้แชร์ผลงานทางโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และยังสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าหลายอย่างของกล้องจากบนสมาร์ทโฟนได้ทันที หรือแม้แต่ควบคุมการลั่นชัตเตอร์ของ ไลก้า คิว2 โมโนโครม จากระยะไกลโดยที่กล้องจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลาผ่าน Bluetooth LE (Low Energy)

Leica Q2 Monochrom

ไลก้า คิว2 โมโนโครม โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบหรูดูคลาสสิกเป็นเอกลักษณ์ แต่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมการถ่ายภาพที่ล้ำสมัย เรียกว่าเป็นกล้องคอมแพคฟูลเฟรมภาพขาว – ดำ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการความสมบูรณ์ของการถ่ายภาพทั้งแนวสตรีท สถาปัตยกรรม และภูมิทัศน์ ผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพขาว – ดำหรือเริ่มสนใจการถ่ายภาพแนวนี้

 

Leica Q2 Monochrom

รูรับแสง เริ่มต้นที่กว้างถึง f/1.7 ก็ช่วยรับประกันว่าจะได้ภาพที่มีคุณภาพสูงสุดแม้จะอยู่ในสภาพแสงที่ไม่เอื้ออำนวยก็ตาม นอกจากนี้ยังมีกลไกบนตัวเลนส์สำหรับล็อคระบบโฟกัสเป็นแบบอัตโนมัติหรือปรับด้วยมือได้สะดวกรวดเร็ว และสามารถสลับเป็นโหมดมาโครที่มีระยะโฟกัสใกล้เพียง 17 ซม. ได้ง่าย เปิดโอกาสให้ช่างภาพมีอิสระเต็มที่ในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายขาว – ดำให้ออกมาโดดเด่นสวยงาม

Leica Q2 Monochrom

การขยายช่วงซูมแบบดิจิตอลที่มีอยู่ในตัวให้เป็นสูงสุดที่ระยะ 75 มม. ช่วยให้ช่างภาพสามารถจัดองค์ประกอบภาพได้ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น และนอกจากทางยาวโฟกัสของเลนส์กล้องแบบไม่ครอปตัดที่ 28 มม. แล้ว ยังสามารถเลือกตัวคูณแบบครอปตัดเพื่อจำลองการถ่ายภาพที่ทางยาวโฟกัส 35, 50 หรือ 75 มม. ได้อีกด้วย และการครอปตัดที่เลือกไว้นั้นจะแสดงเป็นเส้นกรอบที่สว่างในช่องมองภาพและบนจอแสดงผลด้านหลัง

Leica Q2 Monochrom

ระบบโฟกัสอัตโนมัติสามารถโฟกัสภาพได้อย่างแม่นยำในเวลาไม่ถึง 0.15 วินาที ซึ่งทำให้ไลก้า คิว2 โมโนโครมเป็นหนึ่งในกล้องที่เร็วที่สุดในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังมีการปรับปรุงโปรเซสเซอร์ตระกูล Maestro เพื่อเพิ่มอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องให้เร็วขึ้นอย่างน่าทึ่งเป็น 10 เฟรมต่อวินาทีแบบเต็มความละเอียด 47.3 ล้านพิกเซล

ไลก้า คิว2 โมโนโครมยังมาพร้อมช่องมองภาพ OLED ความละเอียด 3.68 ล้านพิกเซล เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับคุณภาพในการถ่ายภาพขาว – ดำ ช่วยให้ช่างภาพสามารถควบคุมการสร้างสรรค์ภาพได้อย่างเต็มที่ตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมิติความลึกและคอนทราสต์ของภาพให้สูงขึ้นอีกด้วย เพราะมีการปรับความสว่างของทุกพิกเซลในช่องมองภาพของ Q2 ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี LCD ที่สามารถปรับภาพที่มองเห็นให้มืดลงได้เป็นส่วนๆ เท่านั้น และถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดสูงแต่กลับใช้พลังงานต่ำ นอกจากนี้ช่องมองภาพยังเปิดทำงานทันทีที่ยกกล้องขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาเพื่อแสดงภาพอย่างถูกต้องตรงกับความเป็นจริงโดยแทบไม่มีอาการหน่วง

Leica Q2 Monochrom

ตัวกล้องสีดำผิวด้านยังหุ้มด้วยแผ่นหนังแบบใหม่ โดยมีการสลักข้อความสีเทาและขาวพร้อมด้วยตัวอักษร MONOCHROM อยู่ด้านบนสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเสริมให้ดีไซน์แบบโมโนโครมนั้นดูสง่างามแต่ไม่สะดุดตาจนเกินไป ดังจะเห็นได้จากความตั้งใจของเราที่จะไม่ใส่โลโก้ Leica สีแดงไว้บนกล้องรุ่นนี้ และ Q2 Monochrom ยังมีการปิดผนึกเพื่อป้องกันฝุ่นและละอองน้ำตามมาตรฐาน IP52 เช่นเดียวกันกับ Leica Q2

Leica Q2 Monochrom

สำหรับดีไซน์ ของ ไลก้า คิว2 โมโนโครม ยังคงยึดมั่นในแนวทางดั้งเดิมของ Leica ยิ่งกว่ากล้องรุ่นไหนๆ โดยการคงไว้เพียงสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญ และมีตราคุณภาพ ‘Made in Germany’ เป็นเครื่องรับประกันว่าทุกองค์ประกอบของกล้องรุ่นนี้ใช้แต่วัสดุที่ดีที่สุดและคงทนที่สุดเท่านั้น นอกจากนี้ดีไซน์แบบโมโนโครมของ ไลก้า คิว2 โมโนโครม ยังมาพร้อมแผ่นหนังลายคลาสสิก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรูปลักษณ์และประโยชน์ใช้สอย

นอกจากนี้ยังมีการนำแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการปรับแต่งกล้องที่เข้าใจง่ายและเป็นธรรมชาติมาใช้กับกล้องรุ่นนี้ เสริมด้วยแนวคิดในการควบคุมกล้องที่ง่ายไม่แพ้กัน โดยมีการปรับโครงสร้างของเมนูให้เรียบง่ายขึ้นและเข้ากับคุณสมบัติพิเศษของกล้องโมโนโครม อย่างการตัดการตั้งค่าสีทั้งหมดของภาพถ่ายและวิดีโอออก และเพิ่มการตั้งค่าสำหรับการย้อมสีภาพขาว-ดำเข้ามาแทน (สีฟ้า ซีเปีย และซีลีเนียม)

ไลก้า คิว2 โมโนโครม มีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้งานอย่างครบถ้วน อาทิ กระจกป้องกันหน้าเลนส์และสายสะพายที่ทำจากหนังคุณภาพพรีเมียมในสีสันต่างๆ รวมถึงกระเป๋าและสายรัดข้อมืออีกหลากหลายแบบ ส่วนอุปกรณ์ทางเทคนิคสำหรับ ไลก้า คิว2 โมโนโครม ก็มีให้เลือก เช่น แฟลช Leica SF 40, SF 60 และตัวควบคุมแฟลชจากระยะไกล SF C1 พร้อมด้วยที่วางนิ้วหัวแม่มือและแฮนด์กริปที่มีแผ่นหนังเข้าคู่กัน แล้วยังมีฟิลเตอร์สี E49 อีก 3 ตัวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้ใช้งานกับกล้องรุ่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งสีเหลือง สีเขียว และสีส้ม

สัมผัสเสน่ห์ของภาพขาวดำ กับ ไลก้า คิว2 โมโนโครม ได้ที่ Leica Store สาขา เกษรวิลเลจ ชั้น 2 โทร. 026561102 และ สาขา ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น เอ็ม โทร. 020036068 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง Line Official: @leicath


เล่าเรื่องผ่านกล้อง “จำนงค์ ภิรมย์ภักดี” เปิดกรุของสะสมระดับตำนานที่หาชมได้ยาก

อัพเดต! คลังแสง กล้อง “ลิซ่า BLACKPINK” รวม 39 ตัวจุกๆ กว่า 1.5 ล้านบาท

The post เปิดสเปก Leica Q2 Monochrom 1.9 แสนบาท กล้องคอมแพค 47.3 ล้านพิกเซล appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ลัมโบร์กินี ฮูราแคน เอสทีโอ ที่สุดของยนตรกรรมสุดหล่อ ไอคอนิกความแรงแห่งยุค

$
0
0

เปิดตัวอีกครั้งสำหรับซูเปอร์สปอร์ตคาร์หรูรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากสนามแข่งจริงสู่ไลฟ์สไตล์การขับขี่เหนือระดับในชีวิตประจำวัน ผ่านการ Livestream ในรูปแบบดิจิทัล​ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกันแบบเรียลไทม์ทั่วโลก ส่งตรงจากลัมโบร์กินี ประเทศอิตาลี  เพื่อมาถ่ายทอดเรื่องราวแบบคมชัดในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ความโดดเด่นทางด้านสมรรถนะ ไปจนถึงนวัตกรรมที่เหนือชั้นของไอคอนนิคซูเปอร์คาร์รุ่นล่าสุด the new Lamborghini Huracán STO (ลัมโบร์กินี ฮูราแคน เอสทีโอ)

Lamborghini Huracán STO

ไอคอนิกความแรงใหม่ล่าสุดจากแบรนด์กระทิงดุที่พร้อมมอบประสบการณ์จริง จากสนามแข่งขันสู่ที่สุดแห่งยนตรกรรมบน    ท้องถนน อย่าง Lamborghini Huracán  STO – Super Trofeo Omologata ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก

Lamborghini Huracán STO

Lamborghini Huracán STO

  • รถแข่ง Huracán Super Trofeo EVO ในรายการการแข่งขัน one-make race
  • รวมถึงรถแข่ง Huracán GT3 EVO ที่ได้แชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน จากรายการแข่งขัน 24 ชั่วโมงที่สนาม Daytona และแชมป์สองสมัยติดต่อกันกับรายการแข่งขัน 12 ชั่วโมงที่สนาม Sebring

ลัมโบร์กินี ฮูราแคน เอสทีโอ ที่สุดของยนตรกรรมสุดหล่อ ไอคอนิกความแรงแห่งยุค

Lamborghini Huracán STO

โดยตัวถัง Lamborghini Huracán STO ได้มีการนำวัสดุน้ำหนักเบาพร้อมทั้งหลักอากาศพลศาสตร์และวิศวกรรมยานยนต์มาจากรถแข่งเต็มตัว โดยถูกนำมาปรับแต่งให้ผ่านกฎเกณฑ์สำหรับการวิ่งบนท้องถนน ส่งผลให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของการขับรถแข่งอย่างแท้จริง มาพร้อมเครื่องยนต์ v10 ให้กำลังสูงสุด 640 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 565 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายในเวลา 3 วินาที และระยะเบรกจากความเร็ว 100-0 กม./ ชม. ภายในระยะทาง 30 เมตร

Lamborghini Huracán STO

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ เรนาสโซ มอเตอร์ เบอร์โทร 02-512-5111

 

The post ลัมโบร์กินี ฮูราแคน เอสทีโอ ที่สุดของยนตรกรรมสุดหล่อ ไอคอนิกความแรงแห่งยุค appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.


เปิดราคา บ้านมือ2 ของคนดังฮอลลีวู้ด อยากใช้ชีวิตแบบซูเปอร์สตาร์ต้องมีเงินเท่าไหร่?

$
0
0

คนดังและคนบันเทิงหลายคนนิยมสะสมอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่ว่ากันว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างได้มหาศาลเพราะนับวันมีแต่จะเพิ่มมูลค่า แต่การลงทุนมีความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นด้านไหน เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ที่บางครั้งต้องขายไปด้วยเหตุผลบางอย่างเป็น บ้านมือ2 เช่นนี้แพรวดอทคอมเลยจะพาไปชมบ้านมือ2 ของคนดัง ฮอลลีวู้ดส่วนจะมีบ้านใครบ้าง?ตั้งอยู่ที่ไหน? และราคาเท่าไหร่?ต้องไปติดตามกันค่ะ

เปิดราคา บ้านมือ2 ของคนดังฮอลลีวู้ด อยากใช้ชีวิตแบบซูเปอร์สตาร์ต้องมีเงินเท่าไหร่?


1.เซลีน ดิออน

ขนาด : 20,000 ตารางฟุต

สถานที่ : เกาะจูปีเตอร์ ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา

ขาย : ในปี 2017 ในราคา 28 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 924,000,000 บาท

ไฮไลท์ : บ้านหลังนี้สร้างขึ้นในปี2010มี 13 ห้องนอน 14 ห้องน้ำ อยู่ติดชายทะเลมองเห็นวิวของมหาสมุทรแอตแลนติกได้อย่างชัดเจนทั้งในและนอกบ้าน การตกแต่งผนังและเพดานเน้นสีขาว ขณะที่เฟอร์นิเจอร์และพรมที่เป็นสีเข้ม สระว่ายน้ำกว้างขวาง เพราะได้แรงบัลดาลใจจากหมู่เกาะบาฮามาส แต่นั่นเองทำให้ต้องใช้น้ำมากถึง 500,000 แกลลอน แต่ด้วยตั้งอยู่บนเกาะทำให้ส่งผลต่อการใช้น้ำประปาของเพื่อนบ้านคนอื่นๆ เธอหมดเงินกับการทำบ้านหลังนี้ไป 72 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 2,376 ล้านบาท แต่สุดท้ายขายได้เพียง 28 ล้านดอลลาร์หรือ ประมาณ 240,000,000 บาทเท่านั้น


2.เทย์เลอร์ สวิฟต์

ขนาด : 10,982 ตารางฟุต

สถานที่ : เบเวอร์ลี ฮิลส์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ขาย : เทย์เลอร์ สวิฟต์ มีค่าใช้จ่ายจนถึงปี 2011 ถึง 25 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 825 ล้านบาท

ไฮไลท์ : เทย์เลอร์ สวิฟต์   ซื้อบ้านหลังนี้ในปี2011 ในราคา3.9ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 128,700,000 บาท ตัวอาคารประกอบไปด้วย4ห้องนอน4ห้องน้ำ นอกจากนี้ยังมีสนามเทนนิสส่วนตัวด้วย


3.เอลเลน ดีเจนเนอเรส

ขนาด : 10,500ตารางฟุต

สถานที่ : มอนเตซิโต แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ขาย : ประกาศขายในราคา 39.5  ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,303,500,000 บาท

ไฮไลท์ : เป็นบ้านในสไตล์ผ่อนคลายให้วัสดุที่ทำจาก ดิน เหล็ก และไม้ ให้ดูเป็นธรรมชาติ มีสระว่ายน้ำและสนามเทนนิส กีฬากลางแจ้งที่เหมาะกับอากาศในแคลิฟอร์เนีย


4.มาริลิน มอนโร

ขนาด : 2,624ตารางฟุต

สถานที่ :  เบร้นท์วูด ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

ขาย : ในปี 2017 ในราคา 7.25 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 239,250,000 บาท

ไฮไลท์ : บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเดียวที่มาริลิน มอนโรแม้จะไม่ได้ใหญ่โตเวอร์วังแต่ก็เพียงพอสำหรับครอบครัว ทั้งยังมีสระน้ำที่เธอเคยใช้ ทุกอย่างในบ้านยังคงเหมือนเดิม


5.แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส

ขนาด : 23,000 ตารางฟุต

สถานที่ : แม็กลีน เวอร์จิเนียตอนเหนือ

ขาย : ประกาศขายในราคา 49.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,633,500,000 บาท

ไฮไลท์ :คฤหาสน์หลังนี้เป็นสถานที่บ่มเพาะสุภาพสตรีหมายเลข1 แบบบ้านตกแต่งในสไตล์จอร์เจียคลาสสิก ล้อมรอบพื้นที่ด้วยสวน มีสนามเทนนิสและสระว่ายน้ำทั้งในร่มและกลางแจ้ง


6.จอห์นนี คาร์สัน

ขนาด : 174,240ตารางฟุต

สถานที่ : มาลิบู สหรัฐอเมริกา

ขาย : ประกาศขายในราคา 81.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,689,500,000 บาท

ไฮไลท์ :บ้านหลังนี้มีชื่อเสียงในเรื่องทิวทัศน์ทะเล ผนังเป็นกระจกช่วยให้สามารถมองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกได้จากทุกที่ในบ้าน บ้านที่มีชื่อเสียงของรายการทอล์คโชว์ดึกคืนมาพร้อมกับบ่อกลางแจ้งและน้ำตกและภูมิทัศน์ในร่มที่ช่วยให้การผสมผสานกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างลงตัว


7.ออดรีย์ เฮปเบิร์น

ขนาด : 7,000ตารางฟุต

สถานที่ : ฮอล์มบี้ ฮิลล์ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

ขาย : ประกาศขายในราคา 13.995 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 461,835,000 บาท

ไฮไลท์ :คฤหาสน์หรูหราสง่างามเหมือนกับภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด บ้านหลังใหญ่ซึ่งได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Paul Williams แสดงให้เห็นถึงรสชาติที่คลาสสิก


8.เอลวิส เพรสลีย์

ขนาด : 5,000 ตารางฟุต

สถานที่ : ลาสเวกัส เนวาด้า สหรัฐอเมริกา

ขาย : ประกาศขายในราคา 9.995ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 329,835,000 บาท

ไฮไลท์ : บ้านหลังนี้เป็นของราชาแห่งร็อกแอนด์โรลล์ที่เขาและพริสซิลล่าใช้ฮันนีมูน โดยนิตยสารหลายฉบับให้ขนานนามบ้านหลังนี้ว่า The House of Tomorrow ถูกสร้างขึ้นในปี 2505 ได้รับการันตีจาก William Krisel สถาปนิกผู้ออกแบบว่าจะทันสมัยถึง 55 ปีเลยทีเดียว


9.เจน ฟอนดา

ขนาด : 7,100 ตารางฟุต

สถานที่ : เบเวอร์ลี ฮิลส์แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ขาย : ประกาศขายในราคา 9.995ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 329,835,000 บาท

ไฮไลท์ : บ้านหลังนี้มีบรรยากาศสบายๆ เน้นคำนึงถึงการนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ภายในอาคาร แต่ยังคงสไตล์การตกแต่งหรูหราแบบลักซ์ชัวรี่


10.เม็ก ไรอัน

ขนาด : 4,100 ตารางฟุต

สถานที่ : ย่านโซโห  นิวยอร์กซิตี

ขาย : ในปี 2017 ในราคา 9.85 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 325,050,000 บาท

ไฮไลท์ : บ้านหลังนี้มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง เรียบง่ายแต่ทันสมัย ผนังก่ออิฐสีขาวและดำผนังห้องสื่อและห้องครัวแบบเปิดที่เต็มไปด้วยแสงธรรมชาติ


ภาพจากhttps://www.toptenrealestatedeals.com

The post เปิดราคา บ้านมือ2 ของคนดังฮอลลีวู้ด อยากใช้ชีวิตแบบซูเปอร์สตาร์ต้องมีเงินเท่าไหร่? appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

3 ปีเจอกัน เตรียบพบกับบูติกสุดหรู “Tonino Lamborghini” จากอิตาลีสู่ภูเก็ต

$
0
0

ตรียมพบกับ “โทนิโน ลัมโบร์กีนี บูติค โฮเทล ภูเก็ต” (Tonino Lamborghini Boutique Hotel Phuket) โรงแรมแห่งแรกของแบรนด์สุดลักซัวรี่จากอิตาลีบนอ่าวฉลอง ผลงานการออกแบบโดย “อเล็กซานเดอร์ หว่อง” สถาปนิกชื่อดังระดับโลก ในปี พ.ศ. 2566

“โทนิโน ลัมโบร์กีนี บูติค โฮเทล ภูเก็ต” รีสอร์ทสุดหรูที่ไม่เหมือนใคร ตั้งอยู่ริมชายหาดอ่าวฉลอง ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่เงียบสงบของภูเก็ต มองเห็นทะเลอันดามันสีฟ้าใส และหมู่เกาะนอกชายฝั่งที่แปลกตา สวรรค์แห่งการพักผ่อนแห่งใหม่นี้ได้รับการออกแบบโดย “อเล็กซานเดอร์ หว่อง” (Alexander Wong) ผู้ก่อตั้ง Alexander Wong Architects สถาปนิกผู้เลื่องลือด้านการออกสไตล์เปรี้ยวจี๊ด และได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย

แรงบันดาลใจและคอนเซปต์การสร้างสรรค์ “โทนิโน ลัมโบร์กีนี บูติค โฮเทล ภูเก็ต ของ อเล็กซานเดอร์ หว่อง มาจากความรู้สึกที่ว่า “ภูเก็ต” คือ “ไมอามีแห่งเอเชีย” เกาะภาคใต้ของไทยที่มีเสน่ห์ในระดับสากล ทั้งเสน่ห์ทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และชายหาดที่สวยงาม

3 ปีเจอกัน เตรียบพบกับบูติกสุดหรู “Tonino Lamborghini” จากอิตาลีสู่ภูเก็ต

การออกแบบจะสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของย่าน “เซาท์บีช” (South Beach) ในไมอามี ประกอบด้วยสระว่ายน้ำสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม พร้อมบีชคลับสไตล์ฟลอริเดียน (Floridian Beach Club) สุดชิก และร้านอาหารที่อบอวลด้วยบรรยากาศปาร์ตี้คื้นเครง เสิร์ฟอาหารเลิศรสกับเมนูร่วมสมัยที่หลากลาย นอกจากนั้น ยังออกแบบให้เพดานมีสีสันสดใส ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากจิตรกรโพสต์อิมเพรสชั่นนิสต์ชาวฝรั่งเศส นามว่า “เฮนรี่ รูสโซ” (Henri Rousseau)

ย่างก้าวแรกสู่ “โทนิโน ลัมโบร์กีนี บูติค โฮเทล ภูเก็ต ผู้เข้าพักจะได้รับการต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความหรูหราระดับโลก ณ “กลามอร์ล็อบบี้” (Glamour Lobby) ที่มีหน้าจอ LED ไม้ระแนง (Rosewood LED Screen) โดดเด่นอลังการ ก่อนจะดื่มด่ำกับห้องพักที่มีให้เลือกตั้งแต่แบบห้องสวีท 39 ห้อง ไปจนถึงวิลล่า จำนวน 7 หลัง

ทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์เนอร์ และงานศิลปะแนวนามธรรม (abstract artworks) โดยเฉพาะห้อง “ฟูตูรา สวีท” (Futura Suites) และ “เดอะ กลามอร์ สวีท” (The Glamour Suites) ที่ได้รับการออกแบบให้มีความสวยงามและเร้าใจ โดยยังคงพื้นที่ฟังก์ชันสำหรับการพักผ่อนได้อย่างลงตัว ภายในโรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เติมเต็มความสุขอีกมากมาย รวมถึง “Power Gym” อันทันสมัย

สำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมที่แท้จริงของภูเก็ต โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจาก “โรงกลั่นฉลองเบย์รัม” พร้อมบริการทัวร์และเวิร์คช็อป ในขณะที่ย่านเมืองเก่าของภูเก็ตที่มีสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสคลาสสิกและตลาดที่มีชีวิตชีวาก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นาที อ่าวฉลองยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับกีฬาทางน้ำที่กระตุ้นอะดรีนาลีน อาทิ ไคท์เซิร์ฟ อีกด้วย

ปัจจุบัน โทนิโน ลัมโบร์กีนี มีคอลเล็คชั่นโรงแรมระดับ 5 ดาวในประเทศจีน พร้อมกับโครงการที่อยู่อาศัยในบราซิล และสินค้าไลฟ์สไตล์หรูหรา ตั้งแต่นาฬิกาดีไซน์เนอร์ เครื่องประดับ ไปจนถึงสมาร์ทโฟน แว่นตา น้ำหอม เครื่องหนัง และอื่น ๆ อีกมากมาย

“โทนิโน ลัมโบร์กีนี บูติค โฮเทล ภูเก็ต” จะเริ่มก่อสร้างในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 และจะมีการเฉลิมฉลองเปิดตัวครั้งใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566


 

 

The post 3 ปีเจอกัน เตรียบพบกับบูติกสุดหรู “Tonino Lamborghini” จากอิตาลีสู่ภูเก็ต appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

ดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ของ คริสตัล สวารอฟสกี้ เล่าเรื่องราวทื่สืบสานมานานกว่า 125 ปี

$
0
0

ดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ของ คริสตัล สวารอฟสกี้ ที่เปล่งประกายจาก ผ่านคอลเล็คชั่นประจำเทศกาลวันหยุด เล่าเรื่องราวอันเจิดจรัส ทื่สืบสานมานานกว่า 125 ปี

พิเศษกว่าปีไหนๆ สวารอฟสกี้ เฉลิมฉลองการครบรอบ 125 ปี แห่งความเจิดจรัสและฝีมือในการรังสรรค์คริสตัลที่เหนือระดับของแบรนด์มาอย่างยาวนาน สวารอฟสกี้นำเสนอเสน่ห์ชวนหลงใหลผ่านเครื่องประดับสไตล์คลาสสิคในคอลเล็คชั่นประจำเทศกาลวันหยุด ให้ช่วงเทศกาลคริสมาสต์ของคุณผู้หญิงทุกคนสว่างไสวเปล่งประกายดั่งต้องมนต์ยิ่งกว่าที่เคย

คอลเล็คชั่นประจำเทศกาลวันหยุดในปีนี้ นำเอาความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของงานฝีมือที่มีความละเอียดประณีตและแสดงออกถึงความเชี่ยวชาญในด้านการเจียระไนคริสตัล ผสมผสานกับเทรนด์ใหม่ ๆ เพื่อรังสรรค์เครื่องประดับโฉมใหม่ที่มีความร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันเป็นตำนานของสวารอฟสกี้ ผ่านเครื่องประดับยอดนิยม อาทิ Angelic, Tennis และ Vittore ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่สำหรับฤดูกาลนี้

อีกทั้งยังเพิ่มลูกเล่น และดีเทลในสไตล์เฉพาะของ Swarovski นอกจากนี้ คอลเล็คชั่นนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องประดับสไตล์สวยงามโดดเด่น เช่น คอลเล็คชั่น Sparkling Dance และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Magic ที่ช่วยเพิ่มความหรูหราและประกายเจิดจรัสให้กับทุกลุค ทุกสไตล์ ในทุกโอกาส ตามแบบฉบับของ สวารอฟสกี้

ดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ของ คริสตัล สวารอฟสกี้ เล่าเรื่องราวทื่สืบสานมานานกว่า 125 ปี

TENNIS DELUXE

คริสตัล สวารอฟสกี้

เครื่องประดับยอดนิยมสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลานี้ ถูกนำมาปรับโฉมใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการเจียระไนคริสตัลในรูปทรง Princess, Round, Oval และ Pear สร้อย ข้อมือ แหวน ต่างหู สร้อยคอ และเซ็ตเครื่องประดับ ต่างประดับตกแต่งด้วยคริสตัลแบบพาเว่และทอประกายหรูหราสง่างาม เติมความเจิดจรัสงดงามเหนือกาลเวลาให้กับผู้หญิงทุกสไตล์

ATTRACT

คริสตัล สวารอฟสกี้

เครื่องประดับกลุ่ม Attract สวยสะดุดตาด้วยเทคนิคเจียระไนรูปแบบใหม่ รับกับดีไซน์ที่ทันสมัย และคริสตัลแบบพาเว่ฝังประดับด้วยมืออย่างประณีต ยกระดับความหรูหราและประกายนุ่มนวลให้กับเครื่องแต่งกายทุกแบบ

SPARKLING DANCE

คริสตัล สวารอฟสกี้

กลุ่มเครื่องประดับ Sparkling Dance จากสวารอฟสกี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากกระโปรงบัลเล่ต์ มอบความรู้สึกที่อ่อนหวานและพริ้วไหว ให้ประกายระยิบระยับยามที่เคลื่อนไหว ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 เฉดสี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับแบบเคลือบโรเดียม มอบลุคงดงามเหนือกาลเวลา หรือเครื่องประดับสีโรสโกลด์ ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน เผยตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน

ANGELIC

คริสตัล สวารอฟสกี้

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเวทมนตร์อันเจิดจรัสจากกลุ่มเครื่องประดับ Angelic ผ่านคริสตัลสีเขียวมรกตของสวารอฟสกี้ ซึ่งล้อมรอบด้วยคริสตัลพาเว่ให้ประกายระยิบระยับ โดยถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงามชวนจับตา ไม่ว่าจะเป็น ต่างหูทรงหยดน้ำสวยหรู สร้อยข้อมือแสนประณีต และสร้อยคออันเจิดจรัส

VITTORE

สวารอฟสกี้

การเจียระไนด้วยเทคนิคที่ประณีตและแม่นยำถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสวารอฟสกี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งในกลุ่ม Vittore สวารอฟสกี้ได้เพิ่มลูกเล่นพร้อมกับความหลากหลายให้กับเครื่องประดับด้วยโทนสีโรสโกลด์ และเหลี่ยมเจียระไนที่นำมาฝังเรียงกันเป็นแถวมอบประกายเจิดจรัสอันงดงาม

 MAGIC

เทศกาลคริสมาสต์ ถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเวทมนตร์ โดยเครื่องประดับกลุ่ม Magic สามารถถ่ายทอดมนต์สะกดที่จะเนรมิตคุณผู้หญิงทุกคนให้เจิดจรัสดั่งต้องมนต์ในเทศกาลสุดพิเศษนี้ ด้วยดีไซน์ที่นำเอาองค์ประกอบรูปดาวโอบล้อมด้วยเกล็ดหิมะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของดีไซน์ ให้ความสวยงามชวนหลงใหล ด้วยแรงบันดาลใจจาก Swarovski Annual Edition Ornament

TREASURE

เพิ่มความหรูหราให้กับทุกลุคทุกสไตล์ ด้วยเครื่องประดับจากกลุ่ม Treasure ที่จะพาคุณผู้หญิงไปสัมผัสดีไซน์ที่ให้ความเรียบง่ายผสานกับความสวยงามได้อย่างไร้ที่ติ ผ่านคริสตัลพาเว่ประดับด้วยไข่มุกจากสวารอฟสกี้ สะท้อนความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรังสรรค์คริสตัลมานานถึง 125 ปี

คอลเลคชันประจำเทศกาลวันหยุดนี้ มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านสวารอฟสกี้ทั่วประเทศไทย และผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง LINE Official Account ของสวารอฟสกี้ ประเทศไทย (@swarovskithailand)


น่าสอยทุกชิ้น! สวารอฟสกี้ เปิดตัวคอลเล็คชั่นใหม่ MICKEY & MINNIE MOUSE

ชวนคนรักคริสตัลปักหมุด 2 ช็อปในเมืองไทยที่ตามไปซื้อ “สวารอฟสกี้คริสตัล” ได้แบบอุ่นใจ

ไฮไลท์ที่ต้องโดน! เครื่องประดับ สวารอฟสกี้ SS20 ดีไซน์น่ารัก ใส่ได้ทั้งซีซั่น

The post ดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ของ คริสตัล สวารอฟสกี้ เล่าเรื่องราวทื่สืบสานมานานกว่า 125 ปี appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สวยหรูจนโดนสะกด! จิวเวลรี่ จาก Versace ดีไซน์ใหม่ ประดับลายหัวเมดูซ่า

$
0
0

ค้นพบความโดดเด่นอันเป็นตัวตนความหรูหราของ จิวเวลรี่ จาก Versace สำหรับช่วงเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้

อีกหนึ่งไอเท็มชิ้นสำคัญที่จะมาช่วยเติมเต็มลุคในช่วงฤดูกาลแห่งการสังสรรค์นี้ จิวเวลรี่ประดับลายหัวเมดูซ่า อันเป็นเอกลักษณ์ของ Versace ที่ดีไซน์ออกมาให้สามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์เข้าได้กับทุกลุค

โดยมีโทนสีหลักเป็นสีทอง บนวัสดุโลหะร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นคลิปหนีบผม สร้อยคอดีเทลโซ่ แหวน กำไล ต่างหู หรือแว่นตากันแดดที่ล้วนมีดีเทลอันโดดเด่นของลายปั๊มนูนหัวเมดูซ่า นอกจากนั้นยังมีการใช้คริสตัลเขามาประดับเสริมกับสร้อยคอและแก้วน้ำ เพิ่มความอลังการให้สมกับที่เป็นแบรนด์ Versace เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้

สวยหรูจนโดนสะกด! จิวเวลรี่ จาก Versace ดีไซน์ใหม่ ประดับลายหัวเมดูซ่า

สวยหรูจนโดนสะกด! จิวเวลรี่ จาก Versace ดีไซน์ใหม่ ประดับลายหัวเมดูซ่า  จิวเวลรี่ จาก Versace  จิวเวลรี่ จาก Versace จิวเวลรี่ จาก Versace เมดูซ่า จิวเวลรี่ จาก Versace เมดูซ่า จิวเวลรี่ จาก Versace ลายเมดูซ่า จิวเวลรี่ จาก Versace จิวเวลรี่ จาก Versace


ภาพ : Versace

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เลอค่าทุกชิ้น! Versace จับมือ Lifestyle Design เผยโฉมเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านสุดหรู

อัพเดตของน่ารัก! Versace Cruise 2021 โทนสีพาสเทลสดใส สวยจนใจละลาย

เผยที่มาของลาย! Versace ปล่อยสนีกเกอร์ TRIGRECA โดดเด่นไม่เหมือนใคร

 

The post สวยหรูจนโดนสะกด! จิวเวลรี่ จาก Versace ดีไซน์ใหม่ ประดับลายหัวเมดูซ่า appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

สวยจนไม่อาจละสายตา แอฟ ทักษอร สวมเพชรสุดอลังการ ดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย

$
0
0

สวยมากจริงๆ สำหรับ แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ที่ปรากฎตัวในลุคเจ้าหญิง สวมเครื่องเพชรสุดอลังการ สง่างามจนไม่อาจละสายตายได้เลย เหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายไม่มีผิด

แอฟ ทักษอร

ทำเอาแฟนๆ ถึงกับตะลึงอีกครั้งกับความสวยของ แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ  ที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้กับลุคล่าสุดที่ลงอินสตาแกรม จนต้องอุทานดังๆ ว่า Oh Princess ที่ต้องเอ่ยเช่นนี้ เพราะเธอนั้นงดงามเหมือนเจ้าหญิงจริงๆ แต่งานนี้แม่แอฟไม่ได้มาคนเดียวขอควงชายหนุ่ม พระเอกรุ่นน้อง ต่อ ธนภพ ที่เคยฝากความฟินในละคร ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ มาเดินแฟชั่นโชว์ในงาน “White Christmas” โดยบิวตี้ เจมส์

สำหรับไฮไลท์ของงานนี้ คือที่ THE HEART OF CHRISTMAS  เข็มกลัดพลอยบลูโทพาสสีฟ้าสดใสประดับเพชรสีขาวอันบริสุทธิ์ระยิบระยับล้อมรอบ เรียงร้อยเป็นรูปทรงหัวใจ เป็นดั่งของขวัญอันล้ำค่าที่สุดแสนพิเศษ ตัวแทนของความสุข ช่วงเวลาแห่งงานรื่นเริง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการเฉลิมฉลองของเทศกาลคริสต์มาส

แอฟ ทักษอร

แอฟ ทักษอร

นอกจากนี้ยังเซตเครื่องประดับที่เข้าคู่กัน รวมมูลค่าแล้วกว่า 88 ล้านบาทไม่ว่าจะเป็น  THE CROWN HAPPINESS มงกุฎมรกตประดับเพชร สีเขียวของมรกตเป็นตัวแทนของความสุข ความเชื่อ ความศรัทธา และความงดงาม ซึ่งรายล้อมด้วยสีขาวบริสุทธิ์ของเพชรที่เรียงร้อยเป็นลวดลายที่ประณีตพิถีพิถัน เปรียบเป็นตัวแทนของหิมะที่ได้โปรยปรายปกคลุมสร้างความสวยงามในค่ำคืนอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสต์มาสอีฟ หรือ White Christmas

แอฟ ทักษอร

แอฟ ทักษอร

THE BEST PART เข็มกลัดพลอยไพลินและบุษราคัมประดับเพชร โบว์ตัวแทนของความสดใส เชื่อมต่อกับบุษราคัมที่โอบล้อมพลอยไพลินเอาไว้สร้างความอบอุ่น อ่อนโยน อบอวลไปด้วยความรัก ความปรารถนาดี เป็นดั่งคำอวยพรที่ไพเราะที่สุดในช่วงเวลาที่แสนพิเศษครั้งนี้

DREAMS COME TRUE ต่างหูพลอยไพลินมรกตล้อมเพชร เปรียบดั่งของขวัญสุดแสนพิเศษที่มอบให้แก่คนที่รัก แทนคำอวยพรที่ขอให้ความฝันและความปรารถนานั้นเกิดขึ้นจริงในช่วงเทศกาลแห่งความสุข

แอฟ ทักษอร

ONCE UPON A TIME สร้อยคอพลอยแทนซาไนท์ประดับเพชร ว่ากันว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยความงดงาม ได้ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่โปรยปรายไกลสุดลูกหูลูกตา หิมะได้ทำหน้าที่อันสำคัญคือคอยดูแลและปกป้องสิ่งสวยงามที่อยู่ภายใต้หิมะนั้นให้คงอยู่อย่างถาวรตราบนานเท่านาน และ

THE BRIGHT SIDE สร้อยข้อมือประดับเพชร แสงสว่างและความแวววาวของเพชรที่เรียงร้อยทอดยาวเป็นดั่งเส้นทางที่นำไปสู่สิ่งที่ดี ปลุกพลังบวกให้มีพลังก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางที่สดใส ถือเป็นของขวัญอีกหนึ่งชิ้นที่เหมาะแก่การมอบให้คนที่รักในช่วงเทศกาลแห่งความสุขครั้งนี้


CR : @aff_taksaorn

แอฟ-ทักษอร เปิดใจถึงข่าวลือ สงกรานต์ & แมท-ภีรนีย์ เตรียมลั่นระฆังวิวาห์

“แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” อยากหนีจากบทดราม่า ชีวิตคู่ที่มันมีปัญหา

8 ประโยคอุ่นๆ กินใจจาก ‘อนุสรณ์ ภักดิ์สุขเจริญ’ ชายผู้แสนดีของน้องปีใหม่-แม่แอฟ

The post สวยจนไม่อาจละสายตา แอฟ ทักษอร สวมเพชรสุดอลังการ ดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย appeared first on Praew (แพรว) – All Luxe You Can Reach.

Viewing all 319 articles
Browse latest View live